5.
ระบบงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
แนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงินสด
ข้อ
1 วัตถุประสงค์
1.
เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการบริหารจัดเก็บภาษีอากร ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ประกอบการยื่น
เสียภาษีอากรในปัจจุบันให้ถูกต้องครบถ้วน จึงให้มีการปรับเปลี่ยนระบบการปฏิบัติงานใหม่
เพื่อกำกับดูแล ผู้เสียภาษีโดยใกล้ชิดเป็นรายผู้ประกอบการและเป็นปัจจุบัน
2.
เพื่อให้การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30)
ที่ขอคืนเป็นเงินสด เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ถูกต้องและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
ข้อ 2 การดำเนินการเกี่ยวกับงานกรรมวิธีและงานคืนภาษี
2.1 การส่งแบบ
ภ.พ.30 และภ.พ.72
ให้ฝ่ายกรรมวิธี สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ หรืองานกรรมวิธี ฝ่ายกรรมวิธี
สำนักงานสรรพากรจังหวัด และสำนักงานสรรพากรจังหวัด (สาขา) ดำเนินการงานกรรมวิธีข้อมูลและตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสารแล้วส่งไปให้ฝ่ายภาษีหัก
ณ ที่จ่ายและคืนภาษี สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ หรืองานคืนภาษี สำนักงานสรรพากรจังหวัด
และสำนักงานสรรพากรจังหวัด (สาขา) ภายใน 7 วันทำการนับ แต่วันที่ฝ่ายกรรมวิธี
หรืองานกรรมวิธีแล้วแต่กรณีได้รับแบบ ภ.พ.30
2.2 การแบ่งกลุ่มผู้ขอคืน
เมื่อฝ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่ายและคืนภาษี หรืองานคืนภาษี ฝ่ายกรรมวิธีแล้วแต่กรณี
ได้รับแบบภ.พ.30 และภ.พ.72 จากฝ่ายกรรมวิธี สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่
หรืองานกรรมวิธี สำนักงานสรรพากรจังหวัด และสำนักงานสรรพากรจังหวัด (สาขา)
ให้ดำเนินการแยกแบบภ.พ.30 และภ.พ.72 ตาม กลุ่มผู้ขอคืนดังนี้
(1)
ผู้ประกอบการส่งออกที่ดี
(2)
ผู้ประกอบการในทะเบียนผู้ขอคืนที่เป็นผู้ส่งออก
(3)
ผู้ประกอบการขอคืนผิดปกติ (ตามรายชื่อที่สำนักมาตรฐานกรรมวิธีภาษี ส่งให้)
(4)
ผู้ประกอบการขอคืนปกติ
2.3 การดำเนินการแจ้งผู้ประกอบการที่มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงินสดทุกเดือนหรือเกือบทุกเดือน
ให้ฝ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่ายและคืนภาษี สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ หรืองานคืนภาษี
ฝ่ายกรรมวิธี สำนักงานสรรพากรจังหวัด และสำนักงานสรรพากรจังหวัด(สาขา)
ดำเนินการทำหนังสือแจ้ง ผู้ประกอบการที่มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงินสดทุกเดือนหรือเกือบทุกเดือน(ตามแนวทางที่กรมสรรพากรจะได้กำหนดต่อไป)
เพื่อให้ทราบว่า หากมีความประสงค์จะได้รับคืนภาษีมูลค่าเพิ่มทุกเดือนหรือเกือบทุกเดือนโดยเร็วให้ยื่นคำร้องตามแบบคำขอที่กรมสรรพากรกำหนด
ต่อสรรพากรพื้นที่หรือสรรพากรจังหวัด หรือสรรพากรจังหวัด (สาขา) ณ สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่
หรือสำนักงานสรรพากรจังหวัด หรือสำนักงานสรรพากรจังหวัด(สาขา)ที่สถานประกอบการตั้งอยู่
และให้หน่วยปฏิบัติดำเนินการตามที่กรมสรรพากรจะได้กำหนดต่อไปก่อนที่การจัดทำรายชื่อผู้ประกอบการที่ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงินสดในทะเบียน
ผู้ขอคืนที่เป็นผู้ส่งออก จะแล้วเสร็จให้ใช้ทะเบียนผู้ส่งออก (นค.1) ปี
2542 เป็นฐานข้อมูลในการพิจารณาคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงินสดไปก่อน
2.4 การดำเนินการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ให้ฝ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่ายและคืนภาษี หรืองานคืนภาษี ฝ่ายกรรมวิธี แล้วแต่กรณี
ดำเนินการ ดังต่อไปนี้
2.4.1
ให้สอบทานความถูกต้องของแบบ ภพ.72 ของผู้ประกอบการส่งออกที่ดีที่ขอคืนเงินสด
และเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อสั่งคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มทันที
2.4.2
ส่งสำเนาภาพถ่ายแบบ ภ.พ.30 และแบบภ.พ.72 ของผู้ประกอบการ รายดังต่อไปนี้
ให้ทีมกำกับดูแลดำเนินการ
(1)
รายที่เจ้าหน้าที่ผู้กำกับดูแลได้แจ้งออกตรวจสภาพกิจการล่วงหน้า ทั้งนี้ให้ส่งภายใน
3 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับแบบ ภพ.30 และ ภพ.72 จากฝ่ายกรรมวิธี หรืองานกรรมวิธี
แล้วแต่กรณี ตามแบบส่งรายชื่อผู้ประกอบการที่ขอคืนเป็นเงินสดที่ถูกคัดเลือกเพื่อตรวจก่อนคืน
(คส.1)
(2)
รายที่ติดเกณฑ์การคัดเลือกรายเพื่อตรวจก่อนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มตามข้อ 2.5
ทั้งนี้ให้ส่งภายใน 7 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับแบบ ภ.พ.30 และ ภ.พ.72
จากฝ่ายกรรมวิธีหรืองานกรรมวิธี แล้วแต่กรณี ตามแบบส่งรายชื่อผู้ประกอบการที่ขอคืนเป็นเงินสดที่ถูกคัดเลือกเพื่อตรวจก่อนคืน
(คส.1)
(3)
รายที่ขอคืนผิดปกติตามทะเบียนรายชื่อผู้ประกอบการขอคืนผิดปกติที่มีอยู่ปัจจุบันทั้งนี้ให้ส่งภายใน
7 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับแบบ ภ.พ.30 และ ภ.พ.72 จากฝ่ายกรรมวิธีหรืองานกรรมวิธี
แล้วแต่กรณี ตามแบบส่งรายชื่อผู้ประกอบการที่ขอคืนเป็นเงินสดที่ถูกคัดเลือกเพื่อตรวจก่อนคืน(คส.1)
2.4.3
ให้สอบทานความถูกต้องของแบบ ภพ. 72 ที่ขอคืนเงินสดของ ผู้ประกอบการในทะเบียนผู้ขอคืนที่เป็นผู้ส่งออก
และผู้ประกอบการขอคืนปกติ ในเดือนภาษีที่ไม่อยู่ในแผนการออกตรวจสภาพกิจการล่วงหน้าของเจ้าหน้าที่ผู้กำกับดูแลและไม่ติดเกณฑ์การคัดเลือกรายเพื่อตรวจก่อนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มตามข้อ
2.5 ให้สอบทานความถูกต้องของแบบ ภพ.72 และเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อสั่งคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไป
2.4.4
ให้ชะลอการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มและจัดทำหนังสือแจ้งชะลอการคืน ภาษีมูลค่าเพิ่ม
(คส.2) สำหรับเดือนภาษีที่ส่งให้ทีมกำกับดูแลดำเนินการให้ผู้ประกอบการทราบทุกครั้ง
2.4.5
ในกรณีผู้ประกอบการมีสถานประกอบการหลายแห่ง และแยกยื่นแบบ ภ.พ.30 ให้หน่วยปฏิบัติที่เป็นที่ตั้งของสถานประกอบการแต่ละแห่งพิจารณาคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเอง
โดยหน่วยปฏิบัติที่เป็นที่ตั้งของสถานประกอบการสาขาต้องขอประวัติการเสียภาษีเงินได้จากหน่วยปฏิบัติที่เป็น
ที่ตั้งของสถานประกอบการสำนักงานใหญ่มาประกอบการพิจารณาคืนภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
2.4.6
ให้จัดทำทะเบียนคุมการส่งสำเนาภาพถ่ายแบบ ภ.พ.30 และแบบ ภ.พ.72 (คส.3)ให้ทีมกำกับดูแลดำเนินการ
2.4.7
ให้จัดทำแฟ้มประวัติผู้ขอคืนภาษีเฉพาะผู้ประกอบการส่งออกที่ดี และผู้ประกอบการในทะเบียนผู้ขอคืนที่เป็นผู้ส่งออก
เป็นรายผู้ประกอบการ โดยมีชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี ประเภทกิจการ
ประวัติการตรวจ และประวัติการคืนภาษี
2.5 หลักเกณฑ์การคัดเลือกรายเพื่อตรวจก่อนคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
เมื่อฝ่ายภาษีหัก
ณ ที่จ่ายและคืนภาษีหรืองานคืนภาษี ฝ่ายกรรมวิธีแล้วแต่กรณีได้ แยกแบบ
ภ.พ.30 และ ภ.พ.72 ตามกลุ่มผู้ขอคืนแล้ว ให้วิเคราะห์แบบ ภ.พ.30 เบื้องต้นของผู้ประกอบการในทะเบียนผู้ขอคืนที่เป็นผู้ส่งออกของเดือนภาษีที่ไม่อยู่ในแผนการตรวจล่วงหน้าของเจ้าหน้าที่ผู้กำกับดูแล
และของ ผู้ประกอบการขอคืนปกติ เพื่อหาความผิดปกติของการเสียภาษี ตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกรายเพื่อตรวจก่อนคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ดังนี้
(1)
มีค่า P/T ปกติหรือไม่
(2)
มีอัตราส่วนของยอดซื้อต่อยอดขายรวม (P/T) สูงกว่าค่าเฉลี่ย P/T ของประเภทธุรกิจเดียวกัน
(ISIC RD) เกินกว่าร้อยละ 20 ขึ้นไป
(3)
มียอดขายรวมและยอดซื้อสูงผิดปกติ
(4)
จำนวนเงินภาษีที่ขอคืนสูงผิดปกติข้อ