เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0811/09005
วันที่: 30 สิงหาคม 2542
เรื่อง: การเสียภาษีของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในส่วนของงานตามหลักศาสนาอิสลาม
ข้อกฎหมาย: มาตรา 39, มาตรา 50(2), มาตรา 69 ทวิ, มาตรา 91/3
ข้อหารือ: ธนาคารเป็นสถาบันการเงินของรัฐจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. 2509 ในปี 2542 ธนาคารจะเปิดดำเนินงาน
สถาบันการเงินตามหลักศาสนาอิสลาม โดยเป็นส่วนงานหนึ่งของธนาคาร ซึ่งจะมีทั้งการรับฝากเงินและ
การให้สินเชื่อ การรับฝากเงินจะไม่จ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ฝาก แต่จะตอบแทนผู้ฝากเงินบัญชีออมทรัพย์เป็น
เงินจำนวนหนึ่งตามธนาคารจะกำหนด เมื่อผลการดำเนินงานมีกำไร สำหรับผู้ฝากที่ประสงค์จะได้ผล
ตอบแทนจากการที่ธนาคารนำเงินฝากไปหาประโยชน์จะเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อการลงทุนภายใต้ข้อตกลง
แบ่งปันผลกำไร ซึ่งหากเงินที่ฝากมีกำไรจากการที่ธนาคารนำไปลงทุนก็จะแบ่งผลกำไรคืนให้กับผู้ฝากตาม
ข้อตกลง
สำหรับการให้สินเชื่อนั้น ธนาคารจะให้บริการด้านการเงินภายใต้ข้อตกลงตามหลักศาสนา
อิสลาม เพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกค้าในการจัดหาเงินทุน ปุ๋ย ยาและวัสดุอุปกรณ์การเกษตร โดย
ดำเนินการภายใต้ข้อตกลง ดังนี้
1. การผ่อนชำระธนาคารจัดซื้อปัจจัยการผลิตให้แก่ลูกค้าตามที่ลูกค้ายื่นคำขอไว้ แล้วให้
ลูกค้าซื้อจาก ธนาคาร โดยผ่อนชำระตามระยะเวลาที่ตกลงกัน
2. การเช่าซื้อธนาคารจัดซื้อทรัพย์สินตามที่ลูกค้ายื่นคำขอไว้ แล้วให้ลูกค้าเช่าซื้อทรัพย์สิน
นั้นจาก ธนาคาร
3. การเข้าลงทุนในโครงการและการร่วมลงทุน ธนาคารนำเงินฝากไปลงทุนแล้วแบ่ง
กำไร กับผู้ประกอบการตามที่ตกลงกัน
ธนาคารเห็นว่าการเปิดดำเนินกิจการสถาบันการเงินภายใต้หลักศาสนาอิสลาม ธนาคารได้
รับยกเว้นภาษีอากร ดังนี้
1. ภาษีเงินได้นิติบุคคลจากการดำเนินกิจการ ตามพระราชบัญญัติ
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. 2509
2. ภาษีธุรกิจเฉพาะตามประมวลรัษฎากร มาตรา 91/3 แห่งประมวลรัษฎากร
3. ภาษีมูลค่าเพิ่มโดยไม่ต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการตามมาตรา 77/3 แห่ง
ประมวลรัษฎากร
สำหรับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เมื่อจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ฝากนั้น เนื่องจากมิใช่เงินได้
ประเภทดอกเบี้ยเงินฝากแต่เป็นเงินปันผลที่จ่ายให้แก่ผู้ฝากเมื่อมีกำไร ดังนั้น ธนาคารจึงต้องหัก
ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้ร้อยละ 10 กรณีจ่ายให้แก่บุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากร มาตรา 50 (2)
แห่งประมวลรัษฎากร และร้อยละ 1 กรณีจ่ายให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร
มาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
แนววินิจฉัย: 1. ภาษีเงินได้นิติบุคคลเก็บจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 39 แห่ง
ประมวลรัษฎากรแต่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มีฐานะเป็นนิติบุคคลมาตรา 5 แห่ง
พระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. 2509 จึงไม่อยู่ในข่ายจะต้องเสีย
ภาษีเงินได้นิติบุคคล
2. กิจการที่อยู่ในข่ายเสียภาษีธุรกิจเฉพาะธนาคารได้รับยกเว้น ตามมาตรา 91/3 แห่ง
ประมวลรัษฎากร
3. กิจการให้เช่าซื้อทรัพย์สินเป็นกิจการที่อยู่ในข่ายเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ธนาคาร จะต้อง
จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยไม่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด
4. ในส่วนของเงินปันผลที่จ่ายให้แก่ผู้ฝากเงินกับธนาคารในส่วนของกิจการ ตามหลัก
ศาสนาอิสลามนั้น เนื่องจากการจ่ายเงินปันผลไม่ได้เกิดจากการถือหุ้นหรือเข้าเป็นหุ้นส่วนแม้จะจ่ายให้แก่
ผู้ฝากเงินต่อเมื่อมีกำไร ก็ไม่ใช่เป็นการจ่ายเงินปันผลแต่เข้าลักษณะเป็นดอกเบี้ย เนื่องจากเป็น
การคำนวณจ่ายจากเงินฝากฉะนั้นเมื่อธนาคารจ่ายให้แก่บุคคลธรรมดาต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา
ร้อยละ 15 ตามมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร และกรณีจ่ายให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะ
ต้องหักภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 1 ตามมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้: 62/28251

 


 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020