เลขที่ข่าว ปชส. 2/2546
วันที่แถลงข่าว 9 ตุลาคม 2545
เรื่อง กรมสรรพากรรายงานผลจัดเก็บภาษีประจำปีงบประมาณ 2545ได้เกินเป้าเกือบ 30,000 ล้านบาท
กรมสรรพากรรายงานผลการจัดเก็บภาษีอากรประจำปีงบประมาณ 2545 (ต.ค. 44 ก.ย. 45) สามารถจัดเก็บได้รวมทั้งสิ้น 544,259 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ 515,000 ล้านบาท อยู่จำนวน 29,259 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.68 โดยกรมสรรพากรวิเคราะห์ว่า เป็นปีแรกที่มีผลการจัดเก็บสูงสุดเท่าที่เคยจัดเก็บมา แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในปี 2545 อยู่ในระยะแรกของการฟื้นตัวภายใต้ภาวะที่มีการปรับลดและยกเว้นภาษีหลายกรณีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็ตาม และยังสูงกว่าในช่วงปกติก่อนที่จะเกิดภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจเมื่อปี 2540
สำหรับผลจัดเก็บที่สูงขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลสะท้อนมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศได้เริ่มมีการฟื้นตัวมาอย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาได้จากผลประกอบการของภาคธุรกิจเริ่มมีผลกำไรที่ดีขึ้น และภาคการบริโภคในประเทศมีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากผลการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีภายใต้นโยบายกำกับดูแลการเสียภาษีให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันของกรมสรรพากร ซึ่งผู้เสียภาษีได้ให้การสนับสนุนนโยบายการบริหารการจัดเก็บภาษีวิธีใหม่ และมีการเสียภาษีถูกต้องครบถ้วนมากขึ้น ตลอดจนการปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีขีดความสามารถสูงขึ้นช่วยสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้สามารถติดตามดูแลและให้บริการผู้เสียภาษีแต่ละรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้ระบบเทคโนโลยีเป็นช่องทางการให้บริการที่ดีแก่ผู้เสียภาษีอยู่ตลอดเวลา
นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากร ขอขอบคุณผู้เสียภาษีที่ได้ให้ความร่วมมือต่อนโยบายการจัดเก็บภาษีของกรมฯ ในปีที่ผ่านมาเป็นอย่างดี รายที่ได้ให้ความร่วมมือด้วยการเสียภาษีอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้วก็ไม่มีอะไรต้องพะวงอีก ขอให้รักษามาตรฐานที่ดีดังกล่าวต่อไป สำหรับรายที่ยังเสียภาษีไม่ถูกต้องครบถ้วน กรมสรรพากรก็ได้เปิดโอกาสให้มีการปรับปรุงแก้ไขความไม่ถูกต้องดังกล่าวอยู่ ในปีงบประมาณ 2546 นี้ กรมสรรพากรก็จะยังคงให้ความสำคัญกับนโยบายการกำกับดูแลผู้เสียภาษีซึ่งเน้นการจัดเก็บภาษีให้ถูกต้องเป็นปัจจุบันต่อไป รวมทั้งจะติดตามธุรกิจนอกระบบให้เข้าสู่ระบบภาษีให้ทั่วถึงยิ่งขึ้นต่อไปด้วย
ในส่วนของการบริหารงานภายในองค์กรเอง ก็จะได้เน้นในเรื่องวิธีทำงานที่จะนำไปสู่การจัดเก็บภาษีและบริการผู้เสียภาษีที่มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส ภายใต้กรอบการจัดการดูแลกิจการที่ดี (Good Governance)ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยการพัฒนาด้านระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา อธิบดีกรมสรรพากรกล่าวในที่สุด