เลขที่หนังสือ | : กค 0811/10789 |
วันที่ | : 19 ตุลาคม 2542 |
เรื่อง | : ภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีการถูกเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา91/2(6), พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244)ฯ |
ข้อหารือ | : บริษัท ก จำกัด ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สำนักงานของบริษัทฯ ตั้งอยู่ ในเขตพระราชกฤษฎีกาฯ กำหนดเขตพื้นที่ในบริเวณที่ที่เวนคืนเพื่อก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 37 สาย วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร เนื่องจากอาคารสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดของบริษัทฯ ถูกแนวทางหลวงและ ได้รับเงินชดเชยจากกรมทางหลวงในปี 2539 และปี 2540 และบริษัทฯ ได้นำเงินชดเชยจากการ เวนคืนดังกล่าวไปคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับเงินไว้ แล้ว แต่มิได้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/2(6) แห่งประมวลรัษฎากร สรรพากรพื้นที่ได้มีหนังสือ ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2542 แจ้งให้ทราบว่า กรณีบริษัทฯ ได้รับ เงินชดเชยจากการถูกเวนคืนที่ดินดังกล่าว บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เนื่องจากเข้า ลักษณะเป็นการขาย อสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร ตามมาตรา 3(5) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244) พ.ศ.2534 บริษัทฯ มีความเห็นว่า การขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ เกิดจากการเวนคืนตาม กฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นการบังคับขาย บริษัทฯ จำเป็นต้องปฏิบัติตาม พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน พ.ศ.2536 จึงไม่น่าที่จะตีความเป็นการขายตามปกติวิสัยการค้า ดังนั้น การขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ ไม่เข้าลักษณะตามมาตรา 3(5) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534 แต่เข้าลักษณะเป็นการขาย อสังหาริมทรัพย์ที่ครอบครองเกิน 5 ปี และเกิดจากการ เวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรา 3(6)(ก) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับดังกล่าว นอกจากนี้แล้วการที่บริษัทฯ ถูกเวนคืนที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ทำให้ต้อง ดำเนินการสร้างโรงงานใหม่ และหมดโอกาสในการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกในระหว่างปี 2538 - 2540 เมื่อบริษัทฯ ได้เริ่มต้นผลิตสินค้าในปี 2541 บริษัทฯ ต้องประสบกับสภาพธุรกิจตกต่ำมาโดยตลอด จึงขอ ให้กรมสรรพากรตีความตามกฎหมายเพื่อให้ความเป็นธรรม |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีบริษัทฯ ได้รับค่าเวนคืนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจากกรมทางหลวงตามข้อเท็จจริง ข้างต้นเข้าลักษณะเป็นการ "ขาย" ตามมาตรา 91/1(4) แห่งประมวลรัษฎากร และเป็น การขายอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทฯ ผู้ขายมีไว้ในการประกอบกิจการตามมาตรา 3(5) แห่ง พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็น ทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244) พ.ศ.2534 จึงอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/2(6) แห่งประมวลรัษฎากร จากรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตามมาตรา 91/5(6) แห่ง ประมวลรัษฎากร โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าอากรแสตมป์ ตามลักษณะแห่งตราสาร 28. แห่ง บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 2. เนื่องจากบริษัทฯ มิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะภายในกำหนดเวลาจึงต้อง รับผิดเสียเบี้ยปรับอีกสองเท่าของเงินภาษีที่ต้องเสียในเดือนภาษี ตามมาตรา 91/21(6) แห่ง ประมวลรัษฎากร แต่อาจขอลดเบี้ยปรับต่อเจ้าพนักงานประเมินได้หากเจ้าพนักงานประเมินยังมิได้ ดำเนินการประเมินภาษีให้เสร็จสิ้น ทั้งนี้ ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.81/2542 เรื่อง หลักเกณฑ์ การงดหรือลดเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 22 มาตรา 26 มาตรา 67 ตรี มาตรา 89 และมาตรา 91/21(6) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 และบริษัทฯ ต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของ เงินภาษีที่ต้องชำระโดยไม่รวมเบี้ยปรับ 3. เมื่อบริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว บริษัทฯ มีสิทธิยื่น คำร้องขอคืนเงินค่าอากรแสตมป์ที่ได้ชำระต่อเจ้าพนักงานที่ดินภายในกำหนดเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ได้เสีย ค่าอากรแสตมป์ ตามมาตรา 193/30 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ |
เลขตู้ | : 62/28424 |