เมนูปิด

เลขที่หนังสือ :   กค 0702/3753
วันที่ :   20 มิถุนายน 2565
เรื่อง :   ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และอากรแสตมป์ กรณีการปฏิบัติตามข้อตกลงเพื่อการปฏิบัติงานโครงการ
ข้อกฎหมาย :   มาตรา 39, มาตรา 40 (2), มาตรา 40 (8), มาตรา 50 (1), มาตรา 50 (4), มาตรา 69 ทวิ, มาตรา 77/1 (10), มาตรา 77/2, มาตรา 113, มาตรา 121 แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ :   สำนักงานเป็นหน่วยงานของรัฐที่ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติมีภารกิจในการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ โดยสำนักงานได้รับงบประมาณหมวดอุดหนุนทั่วไปจากรัฐบาลเป็นรายปี และคณะกรรมการบริหารสำนักงานได้ออกระเบียบคณะกรรมการบริหารสำนักงาน โดยมีการกำหนดเรื่องของการจ่ายเงินเพื่อการสนับสนุนหรือดำเนินโครงการของสำนักงานว่าเป็นการจ่ายเงินสนับสนุนให้หน่วยราชการ องค์กรนิติบุคคล องค์กรที่ไม่ใช่นิติบุคคล ซึ่งภายใต้การจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนหรือการดำเนินการโครงการของสำนักงาน จะมีการจัดทำข้อตกลงเพื่อการปฏิบัติงานโครงการ (MOU) เพื่อให้เกิดการยอมรับและยืนยันในสิทธิและหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ไม่มีสภาพบังคับตามนัยของสัญญา โดยโครงการที่จะได้รับการสนับสนุนมี 2 ประเภท ได้แก่
    1. โครงการที่สนับสนุนหน่วยงาน องค์กร ภาคีเครือข่าย ในระดับพื้นที่ ในการจ่ายเงินสนับสนุนโครงการจะแบ่งจ่ายตามงวดงาน งวดเงินที่ตกลงกันไว้ และการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับการสนับสนุนจะไม่มีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้รับการสนับสนุน
    2. โครงการที่สนับสนุนการปฏิบัติงานวิชาการให้กับหน่วยงาน องค์กรภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน แบ่งการจ่ายเงินสนับสนุนเป็น 3 หมวด คือ หมวดค่าดำเนินการ หมวดค่าบริหารจัดการ และหมวดค่าตอบแทน ซึ่งในหมวดค่าตอบแทน สำนักงานจะหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายร้อยละ 1 จากหัวหน้าโครงการหรือผู้รับผิดชอบหลักเท่านั้นส่วนค่าตอบแทนที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลผู้รับเงิน สำนักงานไม่ได้หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย โดยจะให้ผู้รับเงินสนับสนุนโครงการ หรือผู้รับผิดชอบโครงการไปดำเนินหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายเอง
    สำนักงานขอหารือ ดังนี้
    1. การที่สำนักงานถือว่าการให้การสนับสนุนโครงการทั้งสองประเภทที่ได้ทำเป็นข้อตกลงเพื่อการปฏิบัติงานโครงการดังกล่าว ไม่ถือว่าเป็นสัญญาจ้างทำของ ตามมาตรา 587 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถูกต้องแล้วหรือไม่
    2. การที่สำนักงานถือว่าเงินสนับสนุนโครงการทั้งสองประเภทไม่ถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร จึงไม่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินสนับสนุนโครงการให้กับภาคีเครือข่ายถูกต้องแล้วหรือไม่
    3. การที่สำนักงานถือว่าข้อตกลงเพื่อการปฏิบัติงานโครงการทั้งสองประเภทไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามมาตรา 104 แห่งประมวลรัษฎากร ถูกต้องแล้วหรือไม่
แนววินิจฉัย:   1. กรณีสำนักงานทำข้อตกลงเพื่อการปฏิบัติงานโครงการทั้งสองประเภทกับผู้รับการสนับสนุน โดยข้อตกลงกำหนดให้ผู้รับการสนับสนุนดำเนินงานตามรายละเอียดโครงการให้ครบถ้วนสมบูรณ์และตรงตามกำหนดเวลา โดยสำนักงานจะจ่ายเงินให้ผู้รับการสนับสนุนแต่ละงวดก็ต่อเมื่อคณะกรรมการตรวจรับผลงาน ยอมรับผลงาน และเห็นชอบให้จ่ายเงินงวดต่อไป และสำนักงานมีสิทธิระงับงานทั้งหมด หรือเพียงบางส่วน หรือบอกเลิกข้อตกลงได้ หากพิจารณาเห็นว่าผู้รับการสนับสนุนมิได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหรือเงื่อนไขในข้อตกลง หรือผลการดำเนินงานไม่มีคุณภาพ ข้อตกลงดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของตามมาตรา 587 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
    2. การจ่ายเงินสนับสนุนแก่ผู้รับเงินสนับสนุน สำนักงานมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ดังนี้
        2.1 กรณีผู้รับเงินเป็นบุคคลธรรมดาและคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล เงินสนับสนุนโครงการที่ผู้รับเงินได้รับจากสำนักงานอาจเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร หรือเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ก็ได้ โดยในกรณีที่เป็นเงินได้จากการรับทำงานให้ตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร สำนักงานมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากร หรือกรณีที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้รับเงินต้องมีหลักฐานในการประกอบกิจการที่เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า ได้ประกอบกิจการในรูปแบบของการทำธุรกิจและสามารถพิสูจน์รายจ่ายในการประกอบกิจการได้ เช่น ได้จัดตั้งเป็นสำนักงานในการประกอบกิจการโดยมีอาคารสำนักงานเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือเช่าจากบุคคลอื่นโดยมีหลักฐานสัญญาเช่า มีการลงทุนด้วยการจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ มีค่าใช้จ่ายสำนักงาน มีการจ้างลูกจ้างหรือพนักงานในการประกอบกิจการ มีค่าใช้จ่ายในการประกอบกิจการ เป็นต้น โดยสำนักงานมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 1 ของยอดเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 50 (4) แห่งประมวลรัษฎากร
        2.2 กรณีผู้รับเงินเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อสำนักงานซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร ให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใด สำนักงานมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1 ตามมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
    3. กรณีผู้รับเงินสนับสนุนได้รับเงินค่าจ้างตามสัญญาจ้างทำของดังกล่าวจากสำนักงานถือว่าผู้ได้รับเงินสนับสนุนได้มีการให้บริการแก่สำนักงาน เงินที่ได้รับดังกล่าวจึงเข้าลักษณะเป็นค่าตอบแทนจากการให้บริการ อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/1 (10) และมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร
    4. เมื่อข้อตกลงเพื่อการปฏิบัติงานโครงการทั้งสองประเภทเข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของ ผู้รับจ้างจึงมีหน้าที่ต้องเสียอากรแสตมป์ ตามลักษณะตราสาร 4. จ้างทำของ แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ในทันทีที่ทำตราสารหรือภายใน 15 วัน นับแต่วันต้องปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ตามมาตรา 113 แห่งประมวลรัษฎากร แต่ถ้าฝ่ายที่ต้องเสียอากรเป็นรัฐบาล จะได้รับยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับสัญญาจ้างทำของตามมาตรา 121 แห่งประมวลรัษฎากร

 

ปรับปรุงล่าสุด: 24-04-2024