เมนูปิด

เลขที่หนังสือ :   กค 0702/6245
วันที่ :   10 ตุลาคม 2565
เรื่อง :   การพิจารณาดำเนินการตรวจสอบผลการดำเนินงานของมูลนิธิที่ได้รับการประกาศกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล
ข้อกฎหมาย :   ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2)ฯ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 270)ฯ ลงวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2547
    ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 531)ฯ ลงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 (ปัจจุบัน คือ ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 704)ฯ ลงวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561)
ข้อหารือ :   มูลนิธิ ก. มีชื่ออยู่ในกลุ่มรายชื่อสถานสงเคราะห์ สถานพักฟื้นบำบัดและฟื้นฟูเด็ก คนชรา คนพิการ ที่สามารถหักค่าลดหย่อนเงินบริจาคได้ในเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ทั้งนี้ ตามข้อ 2 จัตวา ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ.2535 ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 270) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาลและสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ.2535 ลงวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2547 โดยที่มูลนิธิ ก. ไม่เคยยื่นคำขอเป็นลายลักษณ์อักษรต่อกรมสรรพากร เพื่อขอให้พิจารณาประกาศกำหนดให้มูลนิธิ ก. เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล
    ดังนั้น มูลนิธิ ก. จะต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ข้อ 12 ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 531) เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาประกาศกำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ.2535 ลงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 หรือไม่ อย่างไร
แนววินิจฉัย:   1. กรณีองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษาที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ตามประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2)ฯ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535 นั้น แบ่งได้เป็น 5 กลุ่ม ดังนี้
        1.1 สภากาชาดไทย วัดวาอาราม และสถานพยาบาล หรือสถานศึกษาขององค์การของรัฐบาลตามข้อ 2 ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2)ฯ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535
        1.2 สถานศึกษาที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น และสถานศึกษาที่เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามข้อ 2 ทวิ ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2)ฯ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535
        1.3 หอสมุด ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ของเอกชนที่เปิดให้ใช้เป็นการสาธารณะโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ค่าทำนุบำรุงหรือเงินสนับสนุนใด ๆ และหอสมุด ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ของทางราชการตามข้อ 2 ตรี ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2)ฯ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535
        1.4 กองทุนผู้สูงอายุตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุ และสถานพักฟื้น บำบัดและฟื้นฟูเด็ก คนชรา ผู้พิการของเอกชน ที่ไม่เก็บค่าใช้จ่าย ค่าทำนุบำรุงหรือเงินสนับสนุนใด ๆ หรือสถานพักฟื้น บำบัด ฟื้นฟูเด็ก คนชรา ผู้พิการของทางราชการตามข้อ 2 จัตวา ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2)ฯ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535
        1.5 มูลนิธิ สมาคมหรือองค์การอื่นที่มีการดำเนินงานเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รัฐมนตรีฯ) กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 531)ฯ ลงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 (ปัจจุบัน คือ ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 704)ฯ ลงวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561) ตามข้อ 3 ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2)ฯ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535
    2. ในการประกาศกำหนดให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลตาม 1.1 ถึง 1.4 นั้น รัฐมนตรีฯ ไม่ได้มีการกำหนดแนวทางหรือหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้หน่วยงานหรือองค์กรดังกล่าวเป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลไว้ ดังนั้น หากหน่วยงานหรือองค์กรตาม 1.1 ถึง 1.4 มีสถานะตามข้อ 2 ข้อ 2 ทวิ ข้อ 2 ตรี หรือข้อ 2 จัตวา ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2)ฯ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535 ย่อมเข้าลักษณะเป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2)ฯ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535 โดยผลของกฎหมายทันที ซึ่งแตกต่างจากกรณีตาม 1.5 ที่รัฐมนตรีฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคุณสมบัติของมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรอื่น ๆ พร้อมทั้งกำหนดให้สำนักงานสรรพากรภาคดำเนินการตรวจสอบผลการดำเนินงานของมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรอื่น ๆ ที่ได้รับการประกาศกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลไว้ตามข้อ 12 ของประกาศกระทรวงการคลังฉบับดังกล่าว
    3. กรณีมูลนิธิฯ เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลตามข้อ 2 จัตวา ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2)ฯ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535 นั้น ไม่ได้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลตามข้อ 3 ของประกาศกระทรวงการคลังฉบับดังกล่าว จึงไม่อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 531)ฯ ลงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 (ปัจจุบัน คือ ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 704)ฯ ลงวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561) แต่อย่างใด

 

ปรับปรุงล่าสุด: 07-05-2024