เลขที่ข่าว ปชส. 7/2546
วันที่แถลงข่าว 4 พฤศจิกายน 2545
เรื่อง การประชุมคณะศึกษาเพื่อการบริหารและการค้นคว้าทางภาษีอากรแห่งเอเซีย ครั้งที่ 32
(The Study Group on Asian Tax Administration and Research: SGATAR)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ร้อยเอกสุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เป็นประธานเปิดการประชุมคณะศึกษา เพื่อการบริหารและการค้นคว้าทางภาษีอากรแห่งเอเซีย (SGATAR) ครั้งที่ 32 ณโรงแรมดุสิตรีสอร์ทแอนด์โปโลคลับ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2545 มีหัวข้อการประชุมที่น่าสนใจ 3 หัวข้อ คือ
- การให้บริการแก่ผู้เสียภาษีโดยเน้นการใช้ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย (Taxpayer Serviec)
- การดำเนินคดีแก่ผู้หลีกเลี่ยงกฎหมายภาษี ซึ่งหน่วยจัดเก็บภาษีเป็นผู้ดำเนินคดีเอง (Criminal Actions Against Taxpayers)
- พัฒนาระบบไอทีในการบริหารจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น The Use of IT in Tax Administration Reform)
นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานที่ประชุมได้เปิดเผยว่า การประชุมคณะศึกษา เพื่อการบริหารและการค้นคว้าทางภาษีอากรแห่งเอเซีย (SGATAR) ได้จัดให้มีการประชุมครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2514 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีวัตถุประสงค์ให้หน่วยจัดเก็บภาษีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารจัดเก็บภาษีอากร ตลอดจนวางแผนและปรับปรุงการจัดเก็บภาษีอากร ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีสมาชิกรวม 12 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน และประเทศไทย โดยกำหนดให้สมาชิก หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพปีละครั้ง ประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพจัดให้มีการประชุมดังกล่าวมาแล้ว 3 ครั้ง คือ การประชุมฯ ครั้งที่ 5 ใน ปี พ.ศ.2518 ครั้งที่ 13 ในปี พ.ศ.2526 และครั้งที่ 22 ในปี พ.ศ.2535 และในปีนี้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 4-8 พฤศจิกายน 2545
ร้อยเอกสุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการที่ประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพในการประชุมฯ นอกจากจะมีผลทำให้ประเทศไทยสามารถนำแนวคิดใหม่ๆ มาพัฒนาการบริหารการจัดเก็บภาษีของไทยให้ได้ผลดี และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แล้วยังเป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรเข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุม ซึ่งจะทำให้ได้รับความรู้อย่างกว้างขวางโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ และท้ายที่สุดยังเป็นโอกาสที่กรมสรรพากรจะช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทยอีกทางหนึ่งด้วย