เมนูปิด
Untitled Document

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 241)
เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และ
อากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษา
__________________________________

                              อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 3 และมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 558) พ.ศ. 2556 อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษา ดังต่อไปนี้

                              ข้อ 1 ในประกาศนี้
                                     “สถานศึกษา” หมายความว่า สถานศึกษาของรัฐ โรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน หรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน

                              ข้อ 2 การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษา บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฏีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฏากร (ฉบับที่ 558) พ.ศ. 2556 ต้องไม่นำเงินบริจาคนั้นไปหักลดหย่อนสำหรับเงินบริจาคตามมาตรา 47(7) แห่งประมวลรัษฏากร หรือต้องไม่นำไปหักเป็นรายจ่ายตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฏากร

                              ข้อ 3 การยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษา บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องไม่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกันกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือกิจการสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ซึ่งเป็นผู้รับเงินหรือทรัพย์สินจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น

                              ข้อ 4 การยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษา กรณีบริจาคเป็นทรัพย์สิน การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้
                                     (1) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจัดหาทรัพย์สินหรือสินค้ามาเพื่อการบริจาค ต้องมีหลักฐานการได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือสินค้าที่ระบุจำนวนและมูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้านั้น โดยให้ถือว่ามูลค่าตามหลักฐานดังกล่าว เป็นมูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้าที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้
                                     (2) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบันทึกบัญชีทรัพย์สินที่จะนำมาบริจาคดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือจากการคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน เป็นมูลค่าของทรัพย์สินที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้
                                     (3) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นผู้ผลิตสินค้าเพื่อขายหรือเป็นผู้ขายสินค้า ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนของสินค้าดังกล่าวที่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นมูลค่าของสินค้าที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้

                              ข้อ 5 ผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษา ต้องมีเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้จากสถานศึกษาพร้อมให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้
                                     (1) กรณีบริจาคเป็นเงิน ได้แก่ ใบเสร็จรับเงินของสถานศึกษาผู้รับบริจาค หรือหลักฐานอื่นที่เป็นหนังสือที่ออกโดยสถานศึกษาผู้รับบริจาค ซึ่งสามารถพิสูจน์การรับบริจาคจากผู้รับบริจาคได้ โดยมีการรับรองอย่างชัดแจ้งจากสถานศึกษาว่าได้รับบริจาคจริง
                                     (2) กรณีบริจาคเป็นสินค้า ได้แก่ หลักฐานที่เป็นหนังสือที่พิสูจน์ได้ว่า ได้บริจาคทรัพย์สินหรือสินค้าให้แก่สถานศึกษา ซึ่งได้ระบุมูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้านั้นเป็นไปตามข้อ 4

                              ข้อ 6 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป


ประกาศ ณ วันที่ 19 มีนาคม 2556

สาธิต รังคสิริ
(นายสาธิต รังคสิริ)
อธิบดีกรมสรรพากร

 

ปรับปรุงล่าสุด: 21-03-2013