ระเบียบ ก.พ.
ว่าด้วยการรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย
และการออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ
พ.ศ. 2539
_________________
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 (5) (7) มาตรา 109 วรรคหนึ่ง วรรคหก และมาตรา 121 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ก.พ. จึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยและการออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2539
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันถัดจากวันออกระเบียบนี้เป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยและการออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2535 และให้ใช้ระเบียบ ก.พ. ฉบับนี้แทน
ข้อ 4 เมื่อผู้บังคับบัญชาได้ดำเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดในกรณีกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง และสั่งยุติเรื่อง งดโทษ หรือลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน หรือลงโทษหรือลงทัณฑ์ตามกฎหมายว่าด้วยวินัยข้าราชการในส่วนราชการใดโดยเฉพาะแก่ผู้นั้นไปแล้ว ให้รายงานการดำเนินการทางวินัยนั้นต่อผู้บังคับบัญชาของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้นั้น ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตามมาตรา 103 และมีตำแหน่งเหนือตนตามลำดับจนถึงอธิบดีหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ตามมาตรา 109 วรรคหนึ่ง แล้วแต่กรณี
การรายงานตามวรรคหนึ่ง สำหรับในราชการบริหารส่วนภูมิภาค ให้รายงานตามลำดับจนถึงผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วจึงรายงานต่อไปยังอธิบดีผู้บังคับบัญชาของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้นั้น
การรายงานของผู้บังคับบัญชาที่ได้ดำเนินการทางวินัยตามวรรคหนึ่ง ให้รายงานพร้อมทั้งส่งสำเนาคำสั่ง และสำนวนการสอบสวนหรือเอกสารการพิจารณาไปด้วยภายในห้าวันทำการนับแต่วันที่สั่ง
ข้อ 5 ให้ผู้บังคับบัญชาที่ได้รับรายงานตามข้อ 4 พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้เสร็จและรายงานการดำเนินการทางวินัยนั้นต่อไปตามลำดับภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับรายงาน
ในกรณีที่รายงานเลยกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่งให้รายงานเหตุที่พิจารณาดำเนินการไม่ทันตามกำหนดเวลานั้นไปด้วย
ข้อ 6 เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการทำการสอบสวนข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดในกรณีกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 102 วรรคสอง หรือมาตรา 109 วรรคสาม หรือสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดพักราชการ หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามมาตรา 107 หรือสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการทำการสอบสวนข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใด ตามมาตรา 114 (4) หรือมาตรา 115 ให้ส่งสำเนาคำสั่งนั้นอย่างละ 3 ฉบับ ไปยังอธิบดี ตามมาตรา 109 วรรคหนึ่ง ภายในห้าวันทำการนับแต่วันที่ออกคำสั่ง
ข้อ 7 ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการทำการสอบสวนข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดในกรณีกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 102 วรรคสอง หรือมาตรา 109 วรรคสาม หรือดำเนินการทางวินัยโดยกล่าวหาเป็นกรณีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงที่ปรากฎชัดแจ้งตามกฎ ก.พ. ออกตามความในมาตรา 102 แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใด และสั่งยุติเรื่อง งดโทษ หรือลงโทษผู้นั้น หรือสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการไปแล้ว ให้รายงานการดำเนินการทางวินัยหรือการสั่งให้ออกจากราชการนั้นไปยังอธิบดี ตามมาตรา 109 วรรคหนึ่ง พร้อมทั้งส่งสำเนาคำสั่งและสำนวนการสอบสวนหรือเอกสารพิจารณาไปด้วยภายในห้าวันทำการนับแต่วันที่ส่ง
ข้อ 8 ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน หรือดำเนินการตามมาตรา 114 (4) หรือมาตรา 115 แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใด หรือได้ดำเนินการในกรณีที่ปรากฏชัดแจ้งตามกฎ ก.พ. ออกตามความในมาตรา 115 แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดไปแล้ว ให้ดำเนินการตามข้อ 7 โดยอนุโลม
ข้อ 9 เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดออกจากราชการ ตามมาตรา 54 มาตรา 67 มาตรา 114 มาตรา 117 มาตรา 118 หรือมาตรา 123 ไปแล้ว ให้ดำเนินการตามข้อ 7 โดยอนุโลม
ข้อ 10 เมื่อนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดได้ดำเนินการทางวินัย หรือดำเนินการตามมาตรา 114 (4) หรือมาตรา 115 หรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดได้สั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 54 มาตรา 67 มาตรา 116 มาตรา 117 หรือมาตรา 123 แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใด หรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดได้รับรายงานตามมาตรา 109 วรรคหนึ่ง เกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าว และได้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ รวมทั้งเห็นชอบด้วยกับการดำเนินการแล้ว ให้รายงานไปยัง ก.พ. เว้นแต่กรณีสั่งหรือปฏิบัติตามมติ อ.ก.พ กระทรวง ตามมาตรา 104 (1) มาตรา 114 (4) มาตรา 115 มาตรา 116 มาตรา 121 วรรคหนึ่ง มาตรา 123 หรือมาตรา 125 (3) หรือกรณีสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 114 (1) (2) (3) (5) หรือ (6) หรือมาตรา 118
ข้อ 11 เมื่อปลัดกระทรวงได้ดำเนินการทางวินัย หรือดำเนินการตามมาตรา 114 (4) หรือมาตรา 115 หรือสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 54 มาตรา 67 มาตรา 116 มาตรา 117 หรือมาตรา 123 แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใด ให้รายงานไปยัง ก.พ. เว้นแต่กรณีปลัดกระทรวงได้ดำเนินการหรือสั่งการในฐานะอธิบดีตามข้อ 14 หรือกรณีสั่งหรือปฏิบัติตามมติ อ.ก.พ. กระทรวง ตามมาตรา 104 (1) มาตรา 114 (4) มาตรา 115 มาตรา 116 หรือมาตรา 123 หรือกรณีสั่งให้ออกจาก
ราชการตามมาตรา 114 (1) (2) (3) (5) หรือ (6) หรือมาตรา 118
ข้อ 12 เมื่อมีกรณีที่ต้องรายงานไปยัง ก.พ. ตามข้อ 10 หรือข้อ 11 สำหรับข้าราชการ
พลเรือนสามัญในเรื่องใด ถ้าเรื่องนั้นมีผู้ถูกดำเนินการทางวินัย หรือถูกดำเนินการตามมาตรา 114 (4) หรือมาตรา 115 ร่วมกันหลายคน แม้บางคนจะไม่ต้องด้วยกรณีตามข้อ 10 หรือข้อ 11 ก็ให้รายงานไปยัง ก.พ. ทุกคน
ข้อ 13 ในกรณีที่ผู้ถูกสั่งลงโทษทางวินัยอุทธรณ์คำสั่งต่อ ก.พ. ตามมาตรา 125 (4) หรือมาตรา 126 หรือผู้ถูกให้ออกจากราชการร้องทุกข์ต่อ ก.พ. ตามมาตรา 129 ให้นำข้อ 12 มาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วย
ข้อ 14 เมื่ออธิบดี หรือปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการพลเรือนสามัญในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง หรือสำนักงานปลัดทบวง ในฐานะอธิบดี ได้ดำเนินการทางวินัย หรือดำเนินการตามมาตรา 114 (4) หรือมาตรา 115 หรือสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 54 มาตรา 67 มาตรา 116 มาตรา 117 หรือมาตรา 123 แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใด หรือได้รับรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าวตามมาตรา 109 วรรคหนึ่ง และได้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ รวมทั้งเห็นชอบกับการดำเนินการแล้ว ให้รายงานไปยัง อ.ก.พ.กระทรวง ตามมาตรา 109 วรรคหก หรือมาตรา 121 วรรคสี่ แล้วแต่กรณี เว้นแต่กรณีสั่งหรือปฏิบัติตามมติ อ.ก.พ. กระทรวง ตามมาตรา 104 (1) มาตรา 109 วรรคสี่ มาตรา 114 (4) มาตรา 115 มาตรา 116 มาตรา 121 วรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง หรือมาตรา 123 กรณีสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 114 (1) (2) (3) (5) หรือ (6) หรือมาตรา 118 และกรณีลงโทษหรือลงทัณฑ์ตามกฎหมายว่าด้วยวินัยข้าราชการในส่วนราชการใดโดยเฉพาะ
ข้อ 15 ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดที่ได้รับรายงานตามข้อ 10 หรืออธิบดี หรือปลัดกระทรวงที่ได้รับรายงานตามข้อ 14 พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้เสร็จโดยเร็ว แล้วรายงานไปยัง ก.พ. หรือ อ.ก.พ. กระทรวง แล้วแต่กรณี
การรายงาน ก.พ. ตามข้อ 10 ข้อ 11 ข้อ 12 หรือข้อ 13 และการรายงาน อ.ก.พ. กระทรวง ตามข้อ 14 ให้ส่งสำเนาคำสั่ง 3 ฉบับ และสำนวนการสอบสวนหรือเอกสารการพิจารณาภายในสิบวันนับแต่วันที่ออกคำสั่งหรือวันที่ได้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เสร็จ แล้วแต่กรณี พร้อมทั้งบันทึกสรุปประวัติและข้อเท็จจริงซึ่งมีสาระสำคัญตามแบบท้ายระเบียบนี้ 1 ชุดด้วย
ข้อ 16 เมื่อ อ.ก.พ. กระทรวงได้พิจารณาตามข้อ 14 และได้ดำเนินการตามมติ อ.ก.พ. กระทรวงแล้ว ให้กระทรวง ทบวง หรือกรม แล้วแต่กรณี รายงานไปยัง ก.พ. เพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการทะเบียนประวัติของข้าราชการพลเรือน การศึกษาวิจัย และการให้คำปรึกษาแนะนำชี้แจงเพื่อให้มีการดำเนินการให้ถูกต้องเหมาะสม โดยส่งสำเนาคำสั่ง 3 ฉบับ และบันทึกสรุปประวัติและข้อเท็จจริงซึ่งมีสาระสำคัญตามแบบท้ายระเบียบนี้ 1 ชุด ไปให้สำนักงาน ก.พ. ภายในสิบห้าวันทำการนับแต่วันที่ได้ดำเนินการตามมติ อ.ก.พ. กระทรวง
ในกรณีสั่งหรือปฏิบัติตามมติ อ.ก.พ. กระทรวง ตามมาตรา 104 (1) มาตรา 109 วรรคสี่ มาตรา 114 (4) มาตรา 115 มาตรา 116 มาตรา 121 วรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง มาตรา 123 หรือมาตรา 125 (3) ให้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งด้วย
ข้อ 17 ให้เลขาธิการ ก.พ. รักษาการตามระเบียบนี้
ประกาศ ณ วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2539
(ลงชื่อ) บรรหาร ศิลปอาชา
(นายบรรหาร ศิลปอาชา)
นายกรัฐมนตรี
ประธาน ก.พ.
หมายเหตุ นำส่งโดยหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 0709.2/ว 20 วันที่ 24 กันยายน 2539
แบบบันทึกสรุปประวัติและข้อเท็จจริง
ตอนที่ 1 ประวัติส่วนตัว |
ชื่อตัว ชื่อสกุล . อายุตัว ปี อายุราชการ ปี ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่ง ระดับ ..กรม .. กระทรวง รับเงินเดือนในอันดับ ขั้น ..บาท ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ระดับ กรม กระทรวง รับเงินเดือนในอันดับ ขั้น ..บาท วุฒิ .. |
ตอนที่ 2 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อกล่าวหา |
เหตุเกิดเมื่อ . ข้อกล่าวหา . .. .. |
ตอนที่ 3 ความเห็นของคณะกรรมสอบสวน / ความเห็นของผู้บังคับบัญชา |
ข้อเท็จจริงได้ความโดยสรุปว่า .. |
ความเห็นของคณะกรรมการสอบสวน .. .. ความเห็นของผู้บังคับบัญชา .. ... |
ตอนที่ 4 ความเสียหายแก่ทางราชการ |
กรณีนี้เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการ คือ
. ..
|
ตอนที่ 5 การสั่งลงโทษ / ให้ออกจากราชการ |
โทษ . ให้ออกจากราชการเพราะ .ตามมาตรา . มีการเพิ่มโทษ / ลดโทษ จาก ..เป็น .. |
ตอนที่ 6 ประวัติการถูกลงโทษ |
ครั้งที่ 1 : เคยถูกลงโทษ ..เมื่อ .กรณี
ครั้งที่ 2 : เคยถูกลงโทษ เมื่อ ..กรณี
การดำเนินการทางวินัย / การสั่งให้ออกจากราชการรายนี้ได้ดำเนินการสอบสวนพิจารณา และสั่งการไปโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
กระทรวง / ทบวง / กรม .. |