เมนูปิด

บันทึกหลักการและเหตุผล

ประกอบกฎ   ก.พ. ฉบับที่ 22 (พ.ศ.2543)

ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535

ว่าด้วยกรณีที่อาจร้องทุกข์ การร้องทุกข์ และการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์

ขอให้แก้ไขหรือแก้ความคับข้องใจ

--------------------------

 

 

หลักการ

 

                                กำหนดกรณีคับข้องใจอันเกิดจากการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชา  ตลอดจนหลักเกณฑ์และวิธีการร้องทุกข์  และการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ขอให้แก้ไขหรือแก้ความคับข้องใจ

 

เหตุผล

 

                                เนื่องจากมาตรา 130  แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน  พ.ศ.2535  บัญญัติให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีความคับข้องใจอันเกิดจากการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชาต่อตนในกรณีตามที่กำหนดในกฎ ก.พ.  อาจร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชา  อ.ก.พ. จังหวัด อ.ก.พ.กรม อ.ก.พ.กระทรวง  หรือ ก.พ.แล้วแต่กรณี ตามกรณีที่กำหนดไว้เพื่อขอให้แก้ไขหรือแก้ความคับข้องใจได้ และหลักเกณฑ์และวิธีการร้องทุกข์และการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎ ก.พ. จึงจำเป็นต้องออกกฎ ก.พ.นี้

 

 

กฎ  ก.พ.

ฉบับที่ 22  (พ.ศ. 2543)

ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน  พ.ศ. 2535

ว่าด้วยกรณีที่อาจร้องทุกข์  การร้องทุกข์  และการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ขอให้แก้ไขหรือแก้ความคับข้องใจ

----------------------------

 

                                            อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 (5)   และมาตรา 130   แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน  พ.ศ. 2535   ก.พ.  จึงออกกฎ  ก.พ.   ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไว้  ดังต่อไปนี้

                               

                                            ข้อ 1  กฎ  ก.พ.  นี้  ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

                     

                                            ข้อ 2  กรณีที่อาจร้องทุกข์  การร้องทุกข์  และการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ในกรณีที่ข้าราชการพลเรือนสามัญมีความคับข้องในอันเกิดจากการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชาต่อตน  ให้เป็นไปตามกรณีและหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ  ก.พ.  นี้

 

                                            ข้อ 3  ข้าราชการพลเรือนสามัญ  ซึ่งมีความคับข้องใจอันเกิดจากการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชา  อาจร้องทุกข์ได้ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาปฏิบัติต่อตน  ดังนี้

                                                            (1)  บริหารงานบุคคลโดยเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม  เหตุผลแต่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด  เชื้อชาติ  ภาษา  เพศ  อายุ  สภาพทางกายหรือสุขภาพ   สถานะของบุคคล   ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม   ความเชื่อทางศาสนา   การศึกษาอบรม  หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อกฎหมาย

                                                             (2)  ไม่มอบหมายงานให้ปฏิบัติ  หรือ

                                                             (3)  ประวิงเวลาหรือหน่วงเหนี่ยวการดำเนินการบางเรื่องเป็นเหตุให้เสียสิทธิหรือไม่ได้รับสิทธิประโยชน์อันพึงมีพึงได้ในเวลาอันสมควร

 

                                            ข้อ 4  เมื่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีความคับข้องใจอันเกิดจากการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชาต่อตน  กรณีที่กำหนดไว้ตามข้อ 3   ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชานั้นจะร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชา  ผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจก็ได้ หรือถ้าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาไม่ประสงค์จะร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาดังกล่าว อาจร้องทุกข์โดยตรงต่อ  อ.ก.พ.จังหวัด   อ.ก.พ.กรม   อ.ก.พ.กระทรวง   หรือ  ก.พ.   แล้วแต่กรณี   ก็ได้   ทั้งนี้  ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบเรื่องอันเป็นเหตุให้ร้องทุกข์

 

                                            ข้อ 5  ในกรณีที่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาซึ่งมีความคับข้องใจได้ร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจ   ให้ผู้บังคับบัญชาจัดให้มีการปรึกษาหารือแก้ไขความคับข้องใจนั้นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการร้องทุกข์  ถ้าผู้บังคับบัญชา  มิได้ดำเนินการใด ๆ  หรือดำเนินการแล้วแต่ไม่เป็นที่พอใจ  ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาอาจร้องทุกข์ต่อ  อ.ก.พ.จังหวัด  อ.ก.พ.กรม  อ.ก.พ.กระทรวง  หรือ  ก.พ.  แล้วแต่กรณีต่อไปได้อีก   ภายในสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาสามสิบวันดังกล่าว

 

                                            ข้อ 6  การร้องทุกข์ขอให้แก้ไขหรือแก้ความคับข้องใจ  จะต้องร้องทุกข์ด้วยตนเอง

                                            การร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจจะกระทำด้วยวาจาหรือทำเป็นหนังสือก็ได้

                                            คำร้องทุกข์ในกรณีที่ร้องทุกข์ต่อ  อ.ก.พ.จังหวัด  อ.ก.พ.กรม  อ.ก.พ.กระทรวง  หรือ  ก.พ. ต้องทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อและตำแหน่งของผู้ร้องทุกข์และต้องมีสาระสำคัญที่แสดงข้อเท็จจริงและปัญหาของเรื่องให้เห็นว่าผู้บังคับบัญชาปฏิบัติต่อตนทำให้เกิดความคับข้องใจอย่างไร  และความประสงค์ของการร้องทุกข์

                                            ถ้าผู้ร้องทุกข์ประสงค์จะแถลงการณ์ด้วยวาจาในชั้นพิจารณาของ  อ.ก.พ.จังหวัด  อ.ก.พ.กรม  อ.ก.พ.กระทรวง  หรือ  ก.พ.   ให้แจ้งไว้ในหนังสือร้องทุกข์หรือจะทำเป็นหนังสือต่างหากก็ได้แต่ต้องยื่นหรือส่งก่อนที่  อ.ก.พ.  หรือ  ก.พ.  แล้วแต่กรณี  เริ่มพิจารณาเรื่องร้องทุกข์โดยยื่นหรือส่งตรงต่อ  อ.ก.พ.  หรือ  ก.พ.

 

                                            ข้อ 7   เพื่อประโยชน์ในการนับระยะเวลาร้องทุกข์

                                                      (1)  ในกรณีที่เหตุร้องทุกข์เกิดจากการที่ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งเป็นหนังสือต่อผู้ร้องทุกข์  ถือวันที่ผู้ถูกสั่งลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งเป็นวันทราบเรื่องอันเป็นเหตุให้ร้องทุกข์

                                                      ถ้าผู้ถูกสั่งไม่ยอมลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่ง และมีการแจ้งคำสั่งให้ผู้ถูกสั่งทราบกับมอบสำเนาคำสั่งให้ผู้ถูกสั่ง  แล้วทำบันทึกลงวันเดือนปี  เวลา  และสถานที่ที่แจ้ง  และลงลายมือชื่อผู้แจ้งพร้อมกับพยานรู้เห็นไว้เป็นหลักฐานแล้ว  ให้ถือวันที่แจ้งนั้นเป็นวันทราบเรื่องอันเป็นเหตุให้ร้องทุกข์

                                                       ถ้าไม่อาจแจ้งให้ผู้ถูกสั่งลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งได้โดยตรง  และได้แจ้งเป็นหนังสือส่งสำเนาคำสั่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปให้ผู้ถูกสั่ง ณ ที่อยู่ของผู้ถูกสั่งซึ่งปรากฏตามหลักฐานของทางราชการ   โดยส่งสำเนาคำสั่งไปให้สองฉบับเพื่อให้ผู้ถูกสั่งเก็บไว้หนึ่งฉบับ และให้ผู้ถูกสั่งลงลายมือชื่อและวันเดือนปีที่รับทราบคำสั่งส่งกลับคืนมาเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานหนึ่งฉบับ  ในกรณีเช่นนี้  เมื่อล่วงพ้นสามสิบวันนับแต่วันที่ปรากฎในใบตอบรับทางไปรษณีย์ลงทะเบียนว่าผู้ถูกสั่งได้รับเอกสารดังกล่าวหรือมีผู้รับแทนแล้ว แม้ยังไม่ได้รับสำเนาคำสั่งฉบับที่ให้ผู้ถูกสั่งลงลายมือชื่อและวันเดือนปีที่รับทราบคำสั่งกลับคืนมา   ให้ถือว่าผู้ถูกสั่งได้รับทราบคำสั่งแล้ว

                                                      (2)  ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาไม่มีคำสั่งเป็นหนังสือต่อผู้ร้องทุกข์โดยตรง  ให้ถือวันที่มีหลักฐานยืนยันว่าผู้ร้องทุกข์รับทราบหรือควรได้ทราบคำสั่งนั้นเป็นวันทราบเรื่องอันเป็นเหตุให้ร้องทุกข์

                                                      (3)  ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาปฏิบัติต่อผู้ร้องทุกข์โดยไม่ได้มีคำสั่งอย่างใด  ให้ถือวันที่ผู้ร้องทุกข์ควรได้ทราบถึงการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชาดังกล่าวเป็นวันทราบเรื่องอันเป็นเหตุให้ร้องทุกข์

 

                                            ข้อ 8  การร้องทุกข์ต่อ  อ.ก.พ.จังหวัด  อ.ก.พ.กรม  อ.ก.พ.กระทรวง  หรือ  ก.พ.  แล้วแต่กรณี  ให้ดำเนินการดังนี้

                                                      (1)   ในกรณีที่เหตุความคับข้องใจเกิดจากผู้บังคับบัญชาในราชการบริหารส่วนภูมิภาคที่ต่ำกว่าผู้ว่าราชการจังหวัด  ให้ร้องทุกข์ต่อ  อ.ก.พ.จังหวัด  และให้  อ.ก.พ.จังหวัดเป็นผู้พิจารณา

                                                      (2)  ในกรณีที่เหตุความคับข้องใจเกิดจากผู้บังคับบัญชาในราชการบริหารส่วนกลางที่ต่ำกว่าอธิบดี  ให้ร้องทุกข์ต่อ  อ.ก.พ.กรม  และให้  อ.ก.พ.กรมเป็นผู้พิจารณา

                                                      (3)  ในกรณีที่เหตุความคับข้องใจเกิดจากผู้ว่าราชการจังหวัดหรืออธิบดีให้ร้องทุกข์ต่อ  อ.ก.พ.กระทรวง  และให้  อ.ก.พ.กระทรวงเป็นผู้พิจารณา

                                                      (4)  ในกรณีที่เหตุความคับข้องใจเกิดจากปลัดกระทรวง  รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือนายกรัฐมนตรี  ให้ร้องทุกข์ต่อ  ก.พ.  และให้  ก.พ.  เป็นผู้พิจารณา

 

                                            ข้อ 9  การร้องทุกข์ต่อ  อ.ก.พ.จังหวัด   อ.ก.พ.กรม  หรือ  อ.ก.พ.กระทรวง  ให้ทำหนังสือร้องทุกข์ถึงประธาน อ.ก.พ. พร้อมกับสำเนารับรองถูกต้องหนึ่งฉบับ  โดยออกนามจังหวัด  กรม  หรือกระทรวง  แล้วแต่กรณี  และยื่นที่ศาลากลางจังหวัดหรือส่วนราชการนั้น

                                            การร้องทุกข์ต่อ  ก.พ.  ให้ทำหนังสือร้องทุกข์ถึงประธาน  ก.พ.  หรือเลขาธิการ  ก.พ. พร้อมกับสำเนารับรองถูกต้องหนึ่งฉบับ  และยื่นที่สำนักงาน  ก.พ.

                                  ผู้ร้องทุกข์จะยื่นหรือส่งหนังสือร้องทุกข์พร้อมกับสำเนารับรองถูกต้องหนึ่งฉบับผ่านผู้บังคับบัญชาหรือผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจก็ได้ และให้ผู้บังคับบัญชานั้นดำเนินการตามข้อ 14  หรือวรรคสาม  แล้วแต่กรณี

 

                                            ข้อ 10  ในกรณีที่มีผู้นำหนังสือร้องทุกข์มายื่นเอง  ให้ผู้รับหนังสือร้องทุกข์ออกใบรับหนังสือประทับตรารับหนังสือ  และลงทะเบียนรับหนังสือไว้เป็นหลักฐานในวันที่รับหนังสือตามระเบียบว่าด้วยงานสารบรรณ  และให้ถือวันที่รับหนังสือตามหลักฐานดังกล่าวเป็นวันที่ยื่นหนังสือร้องทุกข์

                                            ในกรณีที่ส่งหนังสือร้องทุกข์ทางไปรษณีย์  ให้ถือวันที่ที่ทำการไปรษณีย์ต้นทางออกใบรับฝากเป็นหลักฐานฝากส่งหรือวันที่ที่ทำการไปรษณีย์ต้นทางประทับตรารับที่ซองหนังสือเป็นวันยื่นหนังสือร้องทุกข์

                                            ข้อ 11  เมื่อได้ยื่นหรือส่งหนังสือร้องทุกข์ไว้แล้ว  ผู้ร้องทุกข์จะยื่นหรือส่งหนังสือร้องทุกข์หรือเอกสารหลักฐานเพิ่มก่อนที่  อ.ก.พ.จังหวัด  อ.ก.พ.กรม  อ.ก.พ.กระทรวง  หรือ  ก.พ.  แล้วแต่กรณี  เริ่มพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ก็ได้  โดยยื่นหรือส่งตรงต่อ  อ.ก.พ.  หรือ  ก.พ.

 

                                            ข้อ 12  ในกรณีที่ผู้ร้องทุกข์ไม่ประสงค์จะให้มีการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ต่อไปจะขอถอนเรื่องร้องทุกข์ก่อนที่  อ.ก.พ.จังหวัด   อ.ก.พ.กรม   อ.ก.พ.กระทรวง  หรือ  ก.พ.  แล้วแต่กรณี  พิจารณาเรื่องร้องทุกข์เสร็จสิ้นก็ได้  โดยทำเป็นหนังสือยื่นหรือส่งตรงต่อ  อ.ก.พ.  หรือ  ก.พ.

                                            เมื่อได้ถอนเรื่องร้องทุกข์แล้ว  การพิจารณาเรื่องร้องทุกข์นั้นให้เป็นอันระงับไป

 

                                            ข้อ 13   ผู้ร้องทุกข์มีสิทธิคัดค้านอนุกรรมการ  รองประธานอนุกรรมการ  หรือกรรมการ      ผู้พิจารณาเรื่องร้องทุกข์  ถ้าผู้นั้นมีเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้                                                                                                                                  

                                                      (1)  เป็นผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจ

                                                      (2)  มีส่วนได้เสียในเรื่องที่ร้องทุกข์

                                                      (3)  มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ร้องทุกข์

                                                      (4)  เป็นคู่สมรส   บุพการี  ผู้สืบสันดาน   หรือพี่น้องร่วมบิดามารดา   หรือร่วมบิดา   หรือมารดา   กับผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจ

                                                      การคัดค้านอนุกรรมการ  รองประธานอนุกรรมการ  หรือกรรมการผู้พิจารณาเรื่องร้องทุกข์นั้น  ต้องแสดงข้อเท็จจริงที่เป็นเหตุแห่งการคัดค้านไว้ในหนังสือร้องทุกข์หรือแจ้งเพิ่มเติมเป็นหนังสือก่อนที่  อ.ก.พ.  หรือ  ก.พ.   แล้วแต่กรณี  เริ่มพิจารณาเรื่องร้องทุกข์

                                                      เมื่อมีเหตุหรือมีการคัดค้านตามวรรคหนึ่ง อนุกรรมการ รองประธานอนุกรรมการ  หรือกรรมการผู้นั้นจะขอถอนตัวไม่ร่วมพิจารณาเรื่องร้องทุกข์นั้นก็ได้ ถ้าอนุกรรมการ รองประธานอนุกรรมการ  หรือกรรมการผู้นั้นมิได้ขอถอนตัว  ให้ประธานอนุกรรมการ  หรือประธานกรรมการ  แล้วแต่กรณี  พิจารณาข้อเท็จจริงที่คัดค้าน  หากเห็นว่าข้อเท็จจริงนั้นน่าเชื่อถือ ให้แจ้งอนุกรรมการ รองประธานอนุกรรมการ  หรือกรรมการผู้นั้นทราบและมิให้ร่วมพิจารณาเรื่องร้องทุกข์นั้น   เว้นแต่ประธานอนุกรรมการ  หรือประธานกรรมการ  แล้วแต่กรณี  พิจารณาเห็นว่าการให้อนุกรรมการ  รองประธานอนุกรรมการ  หรือกรรมการผู้นั้นร่วมพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า  เพราะจะทำให้ได้ความจริงและเป็นธรรม  จะอนุญาตให้อนุกรรมการ  รองประธานอนุกรรมการ   หรือกรรมการผู้นั้นร่วมพิจารณาเรื่องร้องทุกข์นั้นก็ได้

 

                                            ข้อ 14  เมื่อได้รับหนังสือร้องทุกข์ตามข้อ 8  วรรคหนึ่ง  หรือวรรคสอง  ให้ประธาน  อ.ก.พ.จังหวัด   ประธาน  อ.ก.พ.กรม   ประธาน  อ.ก.พ.กระทรวง  หรือ  สำนักงาน  ก.พ.  แล้วแต่กรณี  มีหนังสือแจ้งพร้อมทั้งส่งสำเนาหนังสือร้องทุกข์ให้ผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจทราบโดยเร็ว   และให้ผู้บังคับบัญชาผู้นั้นทำคำชี้แจง  และส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง  (ถ้ามี)  ไปยังประธาน  อ.ก.พ.จังหวัด   ประธาน  อ.ก.พ.กรม   ประธาน  อ.ก.พ.กระทรวง  หรือ  สำนักงาน  ก.พ.  แล้วแต่กรณี  ภายในเจ็ดวันทำการนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ

                                            ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาได้รับหนังสือร้องทุกข์ที่ได้ยื่นหรือส่งตามข้อ 9 วรรคสาม  ให้ผู้บังคับบัญชานั้นส่งหนังสือร้องทุกข์พร้อมทั้งสำเนาต่อไปยังผู้บังคับบัญชา  ผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจ  ภายในสามวันทำการนับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องทุกข์

                                            เมื่อผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจได้รับหนังสือร้องทุกข์ที่ได้ยื่นหรือส่งตามวรรคสอง  หรือข้อ 9  วรรคสาม   ให้ผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจนั้นจัดส่งคำชี้แจงของตนและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี)  ไปยังประธาน  อ.ก.พ.จังหวัด  ประธาน  อ.ก.พ.กรม   ประธาน  อ.ก.พ.กระทรวง  หรือสำนักงาน  ก.พง  แล้วแต่กรณี   ภายในเจ็ดวันทำการนับแต่วันได้รับหนังสือร้องทุกข์

 

                                            ข้อ 15  การพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ให้  อ.ก.พ.จังหวัด   อ.ก.พ.กรม   อ.ก.พ.กระทรวง  หรือ  ก.พ.  แล้วแต่กรณี   พิจารณาจากเรื่องราวการปฏิบัติต่อผู้ร้องทุกข์ของผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจ   ในกรณีจำเป็นและสมควรอาจขอเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม   รวมทั้งคำชี้แจงจากหน่วยราชการ  รัฐวิสาหกิจ  หน่วยงานอื่นของรัฐ  หรือบุคคลใด   หรือขอให้ผู้แทนหน่วยราชการ  รัฐวิสาหกิจ  หน่วยงานอื่นของรัฐ   หรือบุคคลใดมาให้ถ้อยคำหรือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการพิจารณาได้

                                            ในกรณีที่ผู้ร้องทุกข์ขอแถลงการณ์ด้วยวาจา  หาก  อ.ก.พง  หรือ  ก.พ.  พิจารณาเห็นว่าการแถลงการณ์ด้วยวาจาไม่จำเป็นแก่การพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์จะให้งดการแถลงการณ์ด้วยวาจาเสียก็ได้

                                            ในกรณีที่นัดให้ผู้ร้องทุกข์มาแถลงการณ์ด้วยวาจาต่อที่ประชุม  ให้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจทราบด้วยว่า  ถ้าประสงค์จะแถลงแก้ก็ให้มาแถลงหรือมอบหมายเป็นหนังสือให้ข้าราชการที่เกี่ยวข้องเป็นผู้แทนมาแถลงแก้ด้วยวาจาต่อที่ประชุมครั้งนั้นได้  ทั้งนี้  ให้แจ้งล่วงหน้าตามควรแก่กรณี  และเพื่อประโยชน์ในการแถลงแก้ดังกล่าว  ให้ผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจหรือ     ผู้แทนเข้าฟังคำแถลงการณ์ด้วยวาจาของผู้ร้องทุกข์ได้

 

                                            ข้อ 16  ให้  อ.ก.พ.จังหวัด   อ.ก.พ.กรม  อ.ก.พ.กรทะรวง  หรือ  ก.พ.   แล้วแต่กรณีพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำชี้แจงตามข้อ 14  แต่ถ้ามีความจำเป็นไม่อาจพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในเวลาดังกล่าว ให้ขยายเวลาพิจารณาได้ไม่เกินสามสิบวันและให้บันทึกแสดงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องขยายเวลาไว้ด้วย

                                            ในกรณีที่ขยายเวลาตามวรรคหนึ่งแล้ว  แต่การพิจารณายังไม่แล้วเสร็จ ให้ อ.ก.พ.จังหวัด   อ.ก.พ.กรม   อ.ก.พ.กระทรวง   หรือ  ก.พ.  แล้วแต่กรณี   ขยายเวลาพิจารณาได้อีกไม่เกินสามสิบวัน  แต่ทั้งนี้ให้พิจารณากำหนดมาตรการที่จะทำให้การพิจารณาแล้วเสร็จโดยเร็วและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน           ในรายงานการประชุม

 

                                            ข้อ 17  เมื่อ  อ.ก.พ.จังหวัด   อ.ก.พ.กรม   อ.ก.พ.กระทรวง   หรือ  ก.พ.  ได้พิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์แล้ว  

                                                      (1)  ถ้าเห็นว่าการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชาต่อผู้ร้องทุกข์มิได้มีลักษณะตามที่กำหนดในข้อ 3  ให้มีมติยกคำร้องทุกข์

                                                      (2)  ถ้าเห็นว่าการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชาต่อผู้ร้องทุกข์มีลักษณะที่กำหนดในข้อ 3  ให้มีมติให้แก้ไข  หรือถ้าแก้ไขไม่ได้  ให้สั่งดำเนินการประการอื่นหรือให้ข้อแนะนำตามที่เห็นสมควรเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบและแบบธรรมเนียมของทางราชการและจรรยาบรรณของข้าราชการพลเรือน

                                            การพิจารณามีมติตามวรรคหนึ่ง  ให้บันทึกเหตุผลของการพิจารณาวินิจฉัยไว้ในรายงานการประชุมด้วย

 

                                            ข้อ 18  เมื่อ  อ.ก.พ.จังหวัด   อ.ก.พ.กรม   หรือ  อ.ก.พ.กระทรวง  ได้มีมติตามข้อ 17  ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด  อธิบดี  หรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด   แล้วแต่กรณี   สั่งผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามมตินั้น  และเมื่อได้สั่งหรือปฏิบัติตามมติดังกล่าวแล้ว  ให้แจ้งให้ผู้ร้องทุกข์ทราบเป็นหนังสือโดยเร็ว

                                            ในกรณีที่  ก.พ.  เป็นผู้พิจารณา  เมื่อได้พิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์และมีมติเป็นประการใดแล้ว   ให้รายงานนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลเพื่อพิจารณาสั่งการตามที่เห็นสมควร

                                            เมื่อนายกรัฐมนตรีได้สั่งการเป็นประการใดแล้ว  ให้สำนักงาน  ก.พ.  แจ้งให้ผู้ร้องทุกข์ทราบเป็นหนังสือ   พร้อมทั้งแจ้งให้กระทรวง  ทบวง  กรมที่เกี่ยวข้องทราบ  หรือดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว

 

                                            ข้อ 19  มติของ  อ.ก.พ.จังหวัด   อ.ก.พ.กรม   หรือ  อ.ก.พ.กระทรวง   ตามข้อ 17  และคำสั่งของนายกรัฐมนตรีตามข้อ 18  ให้เป็นที่สุด

 

                                            ข้อ 20  การนับระยะเวลาตามกฎ  ก.พ.  นี้  สำหรับเวลาเริ่มต้นให้นับวันถัดจากวันแรกแห่งเวลานั้นเป็นวันเริ่มนับระยะเวลา  ส่วนเวลาสิ้นสุด   ถ้าวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาตรงกับวันหยุดราชการ  ให้นับวันเริ่มเปิดทำการใหม่เป็นวันสุดท้ายแห่งระยะเวลา

 

 

 

                                             ให้ไว้   ณ   วันที่  2  พฤษภาคม  พ.ศ. 2543

 

 

 

                                                                                                 (ลงชื่อ)     ชวน     หลีกภัย

                                                                                                     (นายชวน    หลีกภัย)

                                                                                                         นายกรัฐมนตรี

                                                                                                          ประธาน  ก.พ.

 

 

 

หมายเหตุ  1.  นำส่งโดยหนังสือสำนักงาน  ก.พ.  ที่  นร 0708.1 / ว 3  วันที่  6  มิถุนายน  2543

                  2.  ประกาศราชกิจจานุเบิกษา  ฉบับกฤษฎีกา  เล่ม  117   ตอนที่  41 ก วันที่  12  พฤษภาคม  2543

 

ปรับปรุงล่าสุด: 26-05-2017