นักศึกษาและผู้ฝึกหัดงาน
บุคคลธรรมดาผู้ซึ่งก่อนหน้าที่จะไปเยือนรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งในทันทีทันใดเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งและอาศัยอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาที่กล่าวถึงรัฐแรก เป็นการชั่วคราวเพียงเฉพาะ
(ก) ในฐานะนักศึกษาในมหาวิทยาลัย วิทยาลัย หรือโรงเรียนที่ได้รับการรับรองแล้วในรัฐที่กล่าวถึงรัฐแรก หรือ
(ข) ในฐานะผู้ฝึกงานทางด้านธุรกิจ หรือ
(ค) ในฐานะผู้รับทุนเงินอุดหนุนหรือรางวัลโดยมุ่งประสงค์ในประการสำคัญเพื่อการศึกษาหรือวิจัยองค์การรัฐบาล การศาสนา การกุศล วิทยาศาสตร์ วรรณคดีหรือการศึกษา
จะได้รับยกเว้นภาษีในรัฐที่กล่าวถึงรัฐแรกในส่วนที่เกี่ยวกับ
(1) เงินที่ส่งจากต่างประเทศเพื่อความมุ่งประสงค์ในการครองชีพ การศึกษา การเล่าเรียน การวิจัยหรือการฝึกอบรมของผู้นั้นเอง
(2) ทุน เงินอุดหนุนหรือเงินรางวัล และ
(3) ค่าตอบแทนจากการจ้างงานในรัฐนั้นโดยมีเงื่อนไขว่า ค่าตอบแทนนั้นจะต้องเป็นรายได้ที่จำเป็นและสมควรสำหรับการครองชีพและการศึกษาของผู้นั้น
เงินได้ซึ่งมิได้ระบุไว้ชัดแจ้ง
บรรดารายการเงินได้ของผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งซึ่งมิได้ระบุไว้ชัดแจ้งในข้อก่อนๆ ของอนุสัญญาฉบับนี้อาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาซึ่งเงินได้นั้นเกิดขึ้น
การขจัดการเก็บภาษีซ้อน
1. กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งรัฐใดจะยังคงใช้บังคับต่อไปในการเก็บภาษีอากรจากเงินได้ในรัฐผู้ทำสัญญาแต่ละรัฐ เว้นแต่ในกรณีที่มีบทบัญญัติไว้ชัดแจ้งให้เป็นอย่างอื่นในอนุสัญญานี้ในกรณีที่เงินได้ต้องเสียภาษีในรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐก็ให้ได้รับการบรรเทาภาระจากการเก็บภาษีซ้อนตามวรรคต่างๆ ของข้อนี้
2. ภาษีที่ต้องชำระในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้ที่ได้รับจากรัฐนั้นจะยอมให้ใช้เป็นเครดิตต่อภาษีใดๆ ที่ต้องชำระในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้นั้น อย่างไรก็ตาม เครดิตนั้นจะต้องไม่เกินจำนวนภาษีที่ต้องชำระในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐเป็นส่วนที่ได้คำนวณไว้ก่อนที่จะให้เครดิตตามจำนวนที่เหมาะสมกับรายการเงินได้นั้น
3. เพื่อความมุ่งประสงค์ในการยอมให้ใช้เป็นเครดิตในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ภาษีที่ชำระในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งให้ถือว่ารวมถึงภาษีซึ่งต้องชำระในรัฐอีกรัฐหนึ่งนั้น แต่ได้รับลดหย่อนหรือยกเว้นตามกฎหมายส่งเสริมพิเศษ ซึ่งมุ่งหมายที่จะส่งเสริมพัฒนาการทางเศรษฐกิจในรัฐอีกรัฐหนึ่งนั้น
การไม่เลือกประติบัติ
1. คนชาติของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งจะไม่ถูกบังคับในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งให้เสียภาษีอากรใดหรือให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดใดเกี่ยวกับการนั้นอันเป็นการนอกเหนือจากหรือเป็นภาระหนักกว่าเก็บภาษีอากรและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องซึ่งคนชาติของรัฐอีกรัฐหนึ่งนั้นถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสียหรือให้ปฏิบัติตามในสภาพการณ์เดียวกัน
2. วิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งจะไม่ถูกบังคับในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งให้เสียภาษีอากรใดๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับกำไรที่เป็นของสถานประกอบการถาวรในรัฐอีกรัฐหนึ่งนั้นอันเป็นการนอกเหนือไปจากหรือเป็นภาระหนักกว่าการเก็บภาษีอากรซึ่งวิสาหกิจของรัฐอีกรัฐหนึ่งนั้นถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสียในส่วนที่เกี่ยวกับกำไรอย่างเดียวกัน
3. ในข้อนี้คำว่า "ภาษีอากร" หมายถึงภาษีซึ่งอยู่ในบังคับของอนุสัญญานี้
4. ไม่มีความใดในข้อนี้ที่จะแปลความเป็นการผูกพันรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งรัฐใดที่จะให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งซึ่งค่าลดหย่อนส่วนบุคคลการผ่อนผันและการหักลดเพื่อความมุ่งประสงค์ในทางภาษีซึ่งรัฐนั้นให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐของตน
วิธีการเพื่อความตกลงร่วมกัน
1. ในกรณีที่ผู้มีถิ่นเพื่ออยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งพิจารณาว่า การกระทำของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งหรือทั้งสองรัฐมีผลหรือจะมีผลให้ตนต้องเสียภาษีอากรโดยไม่เป็นไปตามอนุสัญญานี้ บุคคลนั้นอาจยื่นเรื่องราวของตนต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาซึ่งตนมีถิ่นที่อยู่ แม้จะมีทางแก้ไขตามกฎหมายของรัฐเหล่านั้นอยู่แล้วก็ตามกรณีนี้ต้องยื่นภายในสามปีนับจากที่ได้รับแจ้งครั้งแรกถึงการปฏิบัติทางภาษีอันไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งอนุสัญญานี้
2. ถ้าข้อคัดค้านนั้นปรากฏแก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจว่ามีเหตุผลสมควร และถ้าตนไม่สามารถที่จะหาทางแก้ไขที่เหมาะสมได้เอง ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจพยายามแก้ไขกรณีนั้น โดยความตกลงร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งเพื่อการเว้นการเก็บภาษีอันไม่เป็นไปตามอนุสัญญานี้
3. เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐจะพยายามแก้ไขความยุ่งยากหรือข้อสงสัยใดๆ อันเกิดขึ้นเกี่ยวกับการตีความหรือการใช้บังคับอนุสัญญานี้โดยความตกลงร่วมกัน เจ้าหน้าที่ดังกล่าวยังอาจปรึกษาหารือกันเพื่อขจัดการเก็บภาษีซ้อนในบรรดากรณีที่มิได้บัญญัติไว้ในอนุสัญญานี้ด้วย
4. เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้สัญญาทั้งสองรัฐ อาจติดต่อกันโดยตรงเพื่อความมุ่งประสงค์ให้มีความตกลงตามความหมายแห่งวรรคก่อนๆ นั้น