เมนูปิด

ข้อ 21

ศาสตราจารย์ ครู และนักวิจัย

 

1.              บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งในเวลาก่อนหน้าที่จะไปเยือน รัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง และเป็นผู้ไปเยือนรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้นเป็นเวลาไม่เกินสองปีตามคำเชิญของมหาวิทยาลัย วิทยาลัย โรงเรียน หรือสถาบันการศึกษาอื่นซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้น เพียงเพื่อความมุ่งประสงค์ในการสอนหรือการวิจัย หรือทั้งสองประการที่สถาบันการศึกษาเช่นว่านั้น จะได้รับยกเว้นภาษีในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง สำหรับค่าตอบแทนจากการสอนหรือการวิจัยเช่นว่านั้น

 

2.              บทบัญญัติของข้อนี้ จะใช้บังคับเฉพาะกับเงินได้จากการวิจัย ถ้าการวิจัยเช่นว่านั้น ได้ดำเนินการโดยบุคคลธรรมดาเพื่อสาธารณะประโยชน์ และไม่ได้ดำเนินการเพื่อประโยชน์ของเอกชน บางคนหรือหลายคนเป็นสำคัญ

 

 

ข้อ 22

เงินได้ที่มิได้กล่าวถึง

 

               บรรดารายการเงินได้ของผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ซึ่งมิได้กล่าวถึงในข้อก่อน ๆ ของความตกลงนี้ อาจเก็บภาษีได้ในรัฐซึ่งเงินได้นั้นเกิดขึ้น

 

 

ข้อ 23

วิธีการสำหรับการขจัดภาษีซ้อน

 

1.             ในกรณีที่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งได้รับเงินได้ตามบทบัญญัติของความตกลงนี้ อาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง รัฐผู้ทำสัญญาที่กล่าวถึงรัฐแรกจะยอมให้หักภาษีจากเงินได้ของผู้มีถิ่นที่อยู่นั้นในจำนวนเท่ากับภาษีเงินได้ที่จ่ายในรัฐอีกรัฐหนึ่งนั้น อย่างไรก็ตามการหักเช่นว่านั้นจะต้องไม่เกินกว่าจำนวนภาษีที่ได้คำนวณไว้ก่อนที่จะยอมให้มีการหักตามจำนวนที่เหมาะสมกับเงินได้นั้นซึ่งอาจเก็บภาษีได้ในอีกรัฐหนึ่ง แล้วแต่กรณี

 

2.             เพื่อความมุ่งประสงค์แห่งวรรค 1 ของข้อนี้ คำว่า "ภาษีที่จ่ายในรัฐอีกรัฐหนึ่งนั้น" จะถือว่ารวมถึงจำนวนภาษีซึ่งควรจะได้ชำระไว้แล้วในรัฐอีกรัฐหนึ่งนั้น ถ้าไม่ได้รับการยกเว้นหรือ ลดหย่อนตามกฎหมายส่งเสริมพิเศษที่บัญญัติไว้เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในอีกรัฐหนึ่งนั้นซึ่งมีผลบังคับใช้อยู่ในวันที่มีการลงนามความตกลงนี้ หรือซึ่งอาจนำมาใช้ภายหลังในการแก้ไขปรับปรุงหรือเพิ่มเติมกฎหมายที่มีอยู

 

 

 

ข้อ 24

การไม่เลือกประติบัติ

 

1.             คนชาติของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง จะไม่ถูกบังคับในรัฐผู้ทำสัญญา อีกรัฐหนึ่ง ให้เสียภาษีอากร ใดๆหรือให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎเกณฑ์ใดๆเกี่ยวกับการนั้น อันเป็นการ นอกเหนือ ไปจากหรือเป็นภาระหนักกว่าการเก็บภาษีอากร และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องซึ่งคนชาติของ อีกรัฐหนึ่งนั้นถูก หรืออาจถูกบังคับให้เสียหรือให้ปฏิบัติตามในสถานการณ์เดียวกัน โดยไม่คำนึงถึง บทบัญญัติของข้อ 1 เป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ของรัฐ ผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งหรือทั้งสองรัฐด้วย

 

2.             ภาษีอากรที่เก็บจากสถานประกอบการถาวร ซึ่งวิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง มีอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง จะไม่เรียกเก็บในอีกรัฐหนึ่งนั้น โดยเป็นการอนุเคราะห์น้อยกว่า ภาษีอากรที่เรียกเก็บจากวิสาหกิจของอีกรัฐหนึ่งนั้นที่ประกอบกิจกรรมอย่างเดียวกัน

 

3.             วิสาหกิจของรัฐผู้ทำสํญญารัฐหนึ่งซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งคนเดียว หรือหลายคนเป็นเจ้าของหรือควบคุมทุนทั้งหมดหรือแต่บางส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม จะไม่ ถูกบังคับในรัฐผู้ทำสัญญาที่กล่าวถึงรัฐแรกให้เสียภาษีอากรใด ๆ หรือปฏิบัติตามข้อกำหนดใดๆเกี่ยวกับ การนั้นอันเป็นการนอกเหนือไปจากหรือเป็นภาระหนักกว่าภาษีอากรและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งวิสาหกิจอื่นที่คล้ายคลึงกันของรัฐที่กล่าวถึงรัฐแรกนั้นถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสียหรือให้ปฏิบัติตาม

 

4.             บทบัญญัติในข้อนี้จะไม่แปลความเป็นการผูกพันรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งต้องให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง ซึ่งค่าลดหย่อน การผ่อนผัน และการหักลดส่วนบุคคล เพื่อ ความมุ่ง ประสงค์ทางภาษีโดยคำนึงถึงสถานภาพทางสังคมและภาระทางครอบครัว ซึ่งรัฐนั้นให้แก่ ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐของตน

 

 

5.             ในข้อนี้ คำว่า "ภาษีอากร" หมายถึง ภาษีอันอยู่ในบังคับของความตกลงนี้

 

 

 

ข้อ 25

วิธีการดำเนินการเพื่อความตกลงร่วมกัน

 

1.             ในกรณีผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งพิจารณาเห็นว่า การกระทำของรัฐผู้ทำ สัญญารัฐหนึ่งหรือทั้งสองรัฐมีผลหรือจะมีผลให้ตนเองต้องเสียภาษีอากร โดยไม่เป็นไป ตามบทบัญญัติของความตกลงนี้ ผู้นั้นอาจยื่นเรื่องราวของตนต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำ สัญญาซึ่งตนมีถิ่นที่อยู่ หรือกรณีของบุคคลนั้นอยู่ภายใต้บทบัญญัติวรรค 1 ของข้อ 24 ก็ให้ยื่นต่อรัฐผู้ทำสัญญาที่ตนเป็นคนชาติ โดยไม่ต้องคำนึงถึง ทางแก้ไข ที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย ภายในของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐ คำร้องดังกล่าวต้องยื่นภายในเวลา 2 ปี นับจากที่ได้รับแจ้ง ครั้งแรกที่ก่อให้เกิดการปฏิบัติทางภาษีอันไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งความตกลงนี้

 

2.             ถ้าข้อคัดค้านนั้นปรากฏแก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจว่า มีเหตุผลสมควรและถ้าตน ไม่สามารถที่จะหาทางแก้ไขที่น่าพอใจได้เอง เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจะต้องพยายามแก้ไขกรณีนั้น โดยความตกลงร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง เพื่อเว้นการเก็บภาษี อันไม่เป็นไปตามความตกลงนี้

 

3.             เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐ จะพยายามแก้ไขข้อยุ่งยาก หรือข้อสงสัยใดๆ อันเกิดขึ้นเกี่ยวกับการตีความหรือการใช้บังคับความตกลง โดยความตกลงร่วมกัน เจ้าหน้าที่ดังกล่าวอาจปรึกษาหารือกัน เพื่อการขจัดการเก็บภาษีซ้อนในกรณีใดๆที่มิได้บัญญัติไว้ใน ความตกลงนี้ด้วย

 

4.             เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐอาจติดต่อกันโดยตรงเพื่อความ มุ่งประสงค์ให้มีการตกลงกันตามความหมายแห่งวรรคก่อนๆนั้น

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 08-12-2011