1. ค่าป่วยการของกรรมการ และเงินที่ชำระอย่างอื่นอันคล้ายคลึงกัน ซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งได้รับตามความสามารถในฐานะที่เป็นสมาชิกในคณะกรรมการอำนวยการของบริษัท ซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งให้เก็บภาษีได้ในอีกรัฐหนึ่งนั้น
2. เงินเดือน ค่าจ้าง และค่าตอบแทนอย่างอื่นที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งได้รับตามความสามารถในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ในตำแหน่งบริหารระดับสูงของบริษัทซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งอาจเก็บภาษีได้ในอีกในรัฐหนึ่งนั้น
1. โดยไม่ต้องคำนึงถึงบทบัญญัติของข้อ 14 และ 15 เงินได้ที่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งได้รับในฐานะนักแสดง อาทิ นักแสดงละคร ภาพยนตร์ วิทยุ หรือโทรทัศน์ หรือ นักดนตรีหรือในฐานะนักกีฬาจากกิจกรรมส่วนบุคคลของตนที่กระทำในรัฐผู้ทำสัญญาอีก รัฐหนึ่ง อาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้น
2. ในกรณีเงินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับกิจกรรมส่วนบุคคลที่กระทำโดยนักแสดงหรือนักกีฬาตามความสามารถของตนนั้น มิได้เกิดขึ้นกับตัวนักแสดงหรือนักกีฬา แต่เกิดขึ้นกับบุคคลอื่นโดยไม่ต้องคำนึงถึงบทบัญญัติของข้อ 7, 14 และ 15 เงินได้นั้นอาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาที่กิจกรรมนั้นๆของนักแสดง หรือนักกีฬาได้กระทำขึ้น
3. บทบัญญัติของวรรค 1 และ 2 ของข้อนี้จะไม่ใช้บังคับกับเงินได้ที่ได้รับจากกิจกรรมซึ่งกระทำในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ถ้าการมาเยือนรัฐผู้ทำสัญญารัฐนั้นได้รับการอุดหนุนเป็นส่วนใหญ่โดยกองทุนสาธารณะของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง หรือส่วนราชการ หรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้น
1. (ก) เงินบำนาญ (และค่าตอบแทนอื่นที่คล้ายคลึงกัน) ที่เกิดขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งและจ่ายให้ผู้มี ถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง
(ข) การจ่ายใดๆภายใต้กฎหมายประกันสังคมของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งไม่ว่าจะเป็นงวดหรือไม่เป็น งวดก็ตาม หรือภายใต้โครงการสาธารณะที่จัดขึ้น โดยรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งเพื่อมุ่งประสงค์เป็น สวัสดิการสังคม
(ค) เบี้ยรายปีใดๆที่เกิดขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง และจ่ายให้ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญา อีกรัฐ หนึ่งอาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสอง
2. คำว่า "เบี้ยรายปี" ที่ใช้ในข้อนี้ หมายถึง จำนวนเงินที่กำหนดไว้ซึ่งพึงจ่ายให้เป็นระยะๆ ตามเวลาที่กำหนดระหว่างที่มีชีวิตอยู่ หรือระหว่างระยะเวลาที่ระบุไว้หรือที่พึงกำหนด ได้แน่นอนภายใต้ข้อผูกพันที่จะต้องจ่ายตอบแทนอย่างเพียงพอและครบจำนวนเป็นเงินหรือตามค่าของเงิน (นอกเหนือจากบริการที่ให้)
1. ก) เงินเดือน ค่าจ้าง และค่าตอบแทนอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันนอกเหนือจากเงิน บำนาญที่จ่าย โดยรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง หรือส่วนราชการ หรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นของรัฐผู้ทำสัญญารัฐ นั้นให้แก่บุคคลธรรมดาในส่วนที่เกี่ยวกับบริการที่ให้แก่รัฐนั้น หรือส่วนราชการ หรือองค์การ บริหารของรัฐนั้นจะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐนั้น
ข) อย่างไรก็ตาม เงินเดือน ค่าจ้าง และค่าตอบแทนอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันดังกล่าว จะเก็บ ภาษีได้เฉพาะในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งเท่านั้น ถ้าหากบริการนั้นได้เกิดขึ้นในรัฐนั้น และบุคคล ธรรมดาผู้นั้นเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐนั้นผู้ซึ่ง
(1) เป็นคนชาติของรัฐนั้น หรือ
(2) มิได้เป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐนั้นเพียงเพื่อมุ่งประสงค์ที่จะให้บริการนั้น
2. ก) เงินบำนาญใดๆที่จ่ายโดยหรือจ่ายจากกองทุนที่ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง หรือ ส่วน ราชการหรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งนั้นให้แก่บุคคลธรรมดาใดๆที่ เกี่ยวกับบริการที่ให้แก่รัฐนั้น หรือส่วนราชการ หรือองค์การบริหารของรัฐนั้น จะเก็บภาษีได้ เฉพาะในรัฐนั้นเท่านั้น
ข) อย่างไรก็ตาม เงินบำนาญนั้นจะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง ถ้าบุคคลธรรมดา นั้นเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่และเป็นคนชาติของรัฐนั้น
3. บทบัญญัติของข้อ 15, 16 และ 18 จะใช้บังคับแก่เงินเดือน ค่าจ้าง และค่าตอบแทนอื่นที่คล้ายคลึงกัน และเงินบำนาญที่เกี่ยวกับการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจใดๆที่ดำเนินการโดยรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งหรือส่วนราชการ หรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นของรัฐนั้น
บุคคลธรรมดาผู้ซึ่งก่อนหน้าที่จะไปเยือนรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง เป็นหรือเคยเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง และการไปเยือนรัฐแรกนั้น ก็เพียงเพื่อประสงค์ที่จะ
(ก) เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาอื่นที่เป็นที่ยอมรับหรือ
(ข) เข้ารับการฝึกอบรมให้สามารถปฏิบัติงานด้านวิชาชีพหรือการค้า หรือ
(ค) ศึกษาหรือทำการค้นคว้าวิจัยโดยเป็นผู้รับทุน เงินอุดหนุนหรือรางวัลจากองค์การรัฐบาล ศาสนา การกุศล วิทยาศาสตร์ วรรณกรรม หรือการศึกษาจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีในรัฐที่กล่าวถึงรัฐแรก จาก
(1) เงินที่ส่งจากต่างประเทศเพื่อความมุ่งประสงค์ในการครองชีพ การศึกษา การเล่าเรียน การค้นคว้าวิจัย หรือการฝึกอบรมของผู้นั้นเอง
(2) ทุน เงินอุดหนุนหรือเงินรางวัล และ
(3) เงินได้จากการให้บริการส่วนบุคคลในรัฐนั้น สำหรับระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี โดยมีเงื่อนไข ว่าเงินได้นั้นเป็นเหตุผลความจำเป็นในการครองชีพและการศึกษา
|