เมนูปิด

ข้อ  26
เจ้าหน้าที่การทูตหรือกงสุล

 

                ไม่มีข้อความใดในอนุสัญญานี้  จะกระทบกระเทือนต่อเอกสิทธิทางการรัษฎากรของเจ้าหน้าที่การทูตหรือกงสุลตามหลักทั่วไปแห่งกฎหมายระหว่างประเทศ  หรือตามบทบัญญัติแห่งความตกลงพิเศษทั้งหลาย

 

 

ข้อ  27
การขยายการใช้บังคับแก่อาณาเขต

1.             อนุสัญญานี้อาจขยายการใช้บังคับไม่ว่าจะโดยการใช้บังคับเต็มฉบับหรือมีการปรับปรุงแก้ไขที่จำเป็นใด ๆ   ไปยังรัฐหรืออาณาเขตใด ๆ  ซึ่งเป็นเขตที่ประเทศไทยหรือปากีสถานรับผิดชอบด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอยู่  ซึ่งมีการตั้งบังคับภาษีที่มีลักษณะสำคัญทำนองเดียวกับภาษีซึ่งอยู่ในขอบข่ายของอนุสัญญานี้การขยายอาณาเขตบังคับใด ๆ  จะมีผลใช้บังคับนับจากวันนั้นและภายใต้การเปลี่ยนแปลงแก้ไขและเงื่อนไขต่างๆ  ดังกล่าว  รวมทั้งเงื่อนไขว่าด้วยการเลิกใช้บังคับซึ่งอาจกำหนดและตกลงกันระหว่างรัฐผู้ทำสัญญา  ในหนังสือซึ่งจะแลกเปลี่ยนกันโดยผ่านทางการทูตหรือโดยวิธีการอื่นใด  ตามกระบวนการทางรัฐธรรมนูญของรัฐผู้ทำสัญญา

 

2              เว้นไว้แต่จะตกลงกันเป็นอย่างอื่นโดยรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐ  การเลิกใช้บังคับอนุสัญญาโดยรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งตามข้อ  29  จะเป็นการเลิการใช้บังคับอนุสัญญาตามวิธีการซึ่งกำหนดไว้ในข้อนั้นแก่รับหรืออาณาเขตใด ๆ  ซึ่งอนุสัญญานี้ได้ขยายการใช้บังคับไปถึงตามข้อนี้ด้วย

 

บทที่  6
บทบัญญัติสุดท้าย

ข้อ  28
การเริ่มใช้บังคับ

1.             อนุสัญญานี้จะได้รับการสัตยาบันและจะได้ทำารแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารกัน  ณ อิสลามาบัด

 

2.             อนุสัญญานี้จะเริ่มใช้บังคับเมือได้แลกเปลี่ยนสัตยาบันสารกันแล้ว  และบทบัญญัติของอนุสัญญาจะมีผลใช้บังคับ

 

                 (ก)          ในประเทศไทยสำหรับเงินได้ในปีภาษี  หรือรอบระยะเวลาบัญชี  เริ่มต้นในหรือหลังวันแรกของ

                               เดือนมกราคมของปีคริสตศักราชหนึ่งพันเก้าร้อยเจ็ดสิบเก้า

 

                 (ข)          ในประเทศปากีสถานสำหรับเงินได้ของ  “ปีเงินได้”  (ตามที่ได้นิยามไว้โดยกฎหมายภาษีของ

                               ประเทศปากีสถาน)  เริ่มต้นในหรือหลังวันแรกของเดือนมกราคมของปีคริสศักราชหนึ่งพันเก้าร้อย

                               เจ็ดสิบเก้า

 

 

ข้อ  29
การเลิกใช้

                อนุสัญญานี้จะคงมีผลใช้บังคับตลอดไป  แต่รัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งรัฐใดอาจบอกเลิกอนุสัญญานี้ได้โดยแจ้งการบอกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรให้รัฐผู้ทำสัญญาอีกรับหนึ่งทราบ  โดยทางการทูตในหรือก่อนวันที่  30  ของเดือนมิถุนายน  ของปีปฏิทินปีใดปีหนึ่งซึ่งเริ่มต้นภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลา  3  ปี  นับจากวันที่อนุสัญญานี้เริ่มใช้บังคับ  ในกรณีเช่นนี้อนุสัญญาเป็นอันเลิกมีผลบังคับ

 

                 (ก)          ในประเทศไทย

 

                                            สำหรับเงินได้ของปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มต้นในหรือหลังวันแรกของเดือน

                               มกราคมของปีปฏิทินต่อไปที่ถัดจากปีที่มีการแจ้งการบอกเลิก

                

                 (ข)          ในประเทศปากีสถาน

 

                                            สำหรับเงินได้ของ  “ปีเงินได้”  (ตามที่ได้นิยามไว้โดยกฎหมายภาษีของประเทศ

                               ปากีสถาน)  เริ่มต้นในหรือหลังวันแรกของเดือนมกราคมของปีปฏิทินต่อไปที่ถัดจากปีที่มีการแจ้ง

                               การบอกเลิก

 

                เพื่อเป็นพยานแก่การนี้  ผู้ลงนามข้างท้ายซึ่งได้รับมอบอำนาจโดยถูกต้องจากรัฐบาลของประเทศทั้งสองได้ลงนามในอนุสัญญานี้ทำคู่กันเป็นสองฉบับ  ณ  กรุงเทพมหานคร  เมื่อวันที่  สิบสี่  เดือนสิงหาคม  คริสตศักราช  หนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบ  เป็นภาษาอังกฤษ

 

สำหรับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
(ลงนาม)พลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา
(สิทธิ เศวตศิลา)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ

สำหรับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน
(ลงนาม)แมนซูร์ อาห์มัด 
(แมนซูร์ อาห์มัด)
เอกอัครราชทูต

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 08-12-2011