เมนูปิด

ข้อ 21

 

(1)          ทุนที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ดังที่นิยามไว้ในวรรค 2 ของข้อ 6 อาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาซึ่งทรัพย์สินนั้นตั้งอยู่

 

(2)          ทุนที่เป็นสังหาริมทรัพย์อันเป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สินธุรกิจของสถานประกอบการถาวรของวิสาหกิจอาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาซึ่งสถานประกอบการถาวรนั้นตั้งอยู่

 

(3)          เรือหรืออากาศยานที่ใช้เดินในการจราจรระหว่างประเทศโดยวิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งและสังหาริมทรัพย์บรรดาที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเดินเรือและอากาศยานเช่นว่านั้น ให้เก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐนั้น

 

(4)          องค์ประกอบอื่นใดทั้งปวงของทุนของผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งให้เก็บภาษีได้เฉพาะรัฐนั้น

 

 

ข้อ 22

 

(1)          กฎหมายซึ่งใช้บังคับไม่ว่าในรัฐผู้ทำสัญญารัฐใด จะยังคงใช้ต่อไปในการประเมินและ การเก็บภาษีจากเงินได้และเงินทุนในรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองฝ่ายเว้นแต่จะมีบทกำหนดไว้ชัดแจ้งเป็นอย่างอื่นกับความตกลงนี้

 

(2)          ในบังคับแห่งบทของวรรค1 ในกรณีของผู้มีถิ่นที่อยู่ในสหพันธ์สาธารณรัฐให้กำหนดภาษี ดังต่อไปนี้

 

                (ก)          เว้นแต่บทของอนุวรรค ข. ข้างล่างนี้ใช้บังคับ ให้ตัดออกเสียจากฐานการตั้งบังคับภาษีเยอรมันซึ่งรายการใดๆ ของเงินได้จากแหล่งในประเทศไทย และซึ่งรายการใดๆ ของทุนที่มีอยู่ในประเทศไทยซึ่งอาจเก็บภาษีในประเทศไทยได้ตามความตกลงนี้ อย่างไรก็ตาม สหพันธ์สาธารณรัฐยังคงไว้ซึ่งสิทธิที่จะนำรายการเงินได้และทุนที่ตัดออกเช่นว่านั้นมารวมคำนวณ เพื่อกำหนดอัตราภาษีได้ ข้อความในประโยคแรกจะใช้บังคับในกรณีเงินปันผลเฉพาะสำหรับเงินปันผลที่จ่ายให้แก่บริษัทจำกัดตามหุ้น (กาปิตัลเกเซลลชาฟท์) ซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในสหพันธ์สาธารณรัฐโดยบริษัทซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยและบริษัทแรกนั้นมีหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง นอกจากนั้นให้ตัดออกเสียจากฐานการตั้งบังคับภาษีเยอรมัน ซึ่งการถือหุ้นใดๆ เงินปันผลจากหุ้นนั้นหากมีการจ่ายแล้ว จะต้องตัดออกจากฐานภาษีตามประโยคก่อนทันที

 

                (ข)          ภายใต้บังคับบทของกฎหมายภาษีเยอรมันเกี่ยวกับการให้เครดิตภาษีต่างประเทศ ภาษีที่ต้องเสียตามกฎหมายของประเทศไทย และตามความตกลงนี้สำหรับรายการเงินได้ดังต่อไปนี้จากแหล่งในประเทศไทย ยอมให้ถือเป็นเครดิตหักจากภาษีเยอรมันที่เก็บจากเงินได้ที่ต้องเสียในส่วนที่เกี่ยวกับรายการเงินได้ดังต่อไปนี้

 

                               1.             กำไรที่ได้จากดำเนินการเดินเรือในการจราจรระหว่างประเทศ ซึ่งอาจเก็บภาษีในประเทศไทยได้ตามวรรค 2 ของข้อ 8

 

                               2.             เงินปันผลที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับอนุวรรค ก. ข้างต้น

 

                               3.             ดอกเบี้ย

 

                               4.             ค่าสิทธิและผลได้เช่นว่าตามที่กล่าวในวรรค 3 ของข้อ 12

 

                               5.             กำไรซึ่งอาจเก็บภาษีในประเทศไทยได้ตามวรรค 2 ของข้อ 15

 

                               6.             ค่าตอบแทนตามที่กล่าวในวรรค 1 ของข้อ 17 ซึ่งจ่ายให้แก่คนชาติเยอรมันซึ่งมิใช่เป็นคนชาติไทยด้วย

 

                               7.             บำนาญและเงินอย่างอื่นที่จ่ายและเงินปี ซึ่งอาจเก็บภาษีในประเทศไทยได้ตามวรรค 1 ของข้อ 18

 

(3)          ในบทบังคับของวรรค 1 ในกรณีของผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยให้กำหนดภาษีดังนี้

 

               (ก)          เว้นแต่บทของอนุวรรค ข. ข้างล่างนี้ใช้บังคับ ให้ตัดออกเสียจากฐานการตั้งบังคับภาษีไทยซึ่งรายการใดๆ ของเงินได้จากแหล่งในสหพันธ์สาธารณรัฐ และซึ่งรายการใดๆ ของทุนที่อยู่ในสหพันธ์สาธารณรัฐอันอาจเก็บภาษีในสหพันธ์สาธารณรัฐได้ตามความตกลงนี้ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงไว้ซึ่งสิทธิที่จะนำรายการเงินได้และทุนที่ตัดออกเช่นว่านั้น รวมคำนวณเพื่อกำหนดอัตราภาษีได้ ข้อความในประโยคแรกจะใช้บังคับในกรณีเงินปันผลเฉพาะสำหรับเงินปันผลที่จ่ายให้แก่บริษัทซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยโดยบริษัทจำกัดตามหุ้น (กาปิตัลเกเซลลชาฟท์) ซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในสหพันธ์สาธารณรัฐ และบริษัทแรกมีหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง นอกจากนั้นให้ตัดออกเสียจากฐานการตั้งบังคับภาษีไทย ซึ่งการถือหุ้นใดๆ เงินปันผลจากหุ้นนั้น หากมีการจ่ายแล้วจะต้องตัดออกจากฐานภาษีตามประโยคก่อนทันที

 

                (ข)          ภาษีที่ต้องชำระตามกฎหมายของสหพันธ์สาธารณรัฐและตามความตกลงนี้โดยผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยสำหรับรายได้จากแหล่งในสหพันธ์สาธารณรัฐ ยอมให้ถือเป็นเครดิตหักจากภาษีไทยได้ ถ้ารายได้เช่นว่านั้นเป็น

 

                               1.             กำไรที่ได้รับจากการดำเนินการเดินเรือในการจราจรระหว่างประเทศซึ่งอาจเก็บภาษีในสหพันธ์สาธารณรัฐได้ตามวรรค 2 ของข้อ 8

 

                               2.             เงินปันผลที่ไม่เกี่ยวกับอนุวรรค ก. ข้างต้น

 

                               3.             ดอกเบี้ย

 

                               4.             ค่าสิทธิและผลได้เช่นว่าตามที่กล่าวในวรรค 3 ของข้อ 12

 

                               5.             กำไรซึ่งอาจเก็บภาษีในสหพันธ์สาธารณรัฐได้ตามวรรค 2 ของข้อ 15

 

                               6.             ค่าตอบแทนตามที่กล่าวในวรรค 1 ของข้อ 17 จ่ายให้แก่คนชาติไทยผู้ซึ่งมิใช่เป็นคนชาติเยอรมันด้วย

 

                               7.             บำนาญและเงินอื่นที่จ่ายและเงินปีซึ่งอาจเก็บภาษีในสหพันธ์สาธารณรัฐตามวรรค 1 ของข้อ 18

 

                จำนวนเครดิตเช่นว่านั้นจะถือตามจำนวนภาษีที่จ่ายให้แก่สหพันธ์สาธารณรัฐ แต่ต้องไม่เกินส่วนของจำนวนภาษีไทยตามอัตราส่วนของเงินได้สุทธิจากแหล่งภายในสหพันธ์สาธารณรัฐต่อเงินได้สุทธิทั้งสิ้นที่พึงชำระภายใต้บังคับภาษีไทย ในการกำหนดเงินได้สุทธิทั้งสิ้นเช่นว่านั้น ผลขาดทุนซึ่งเกิดขึ้นในประเทศใดๆ จะต้องไม่นำมาประกอบการพิจารณา

 

 

ข้อ 23

 

(1)          คนชาติของรัฐผู้ทำสัญญาหนึ่งจะต้องไม่ถูกบังคับในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งให้เสียภาษีอากรใดๆ หรือให้ปฏิบัติตามข้อประสงค์ใดๆ เกี่ยวกับการนั้น ซึ่งเป็นการนอกเหนือไปจากหรือเป็นภาระหนักกว่าการเก็บภาษีอากรและข้อประสงค์ที่เกี่ยวข้องซึ่งคนชาติของอีกรัฐหนึ่งนั้นถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสียหรือให้ปฏิบัติตามในพฤติการณ์เดียวกัน

 

(2)          ภาษีอากรเก็บจากสถานประกอบการถาวรซึ่งวิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งมีอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง จะต้องไม่ถูกเรียกเก็บในอีกรัฐหนึ่งนั้น โดยเป็นการอนุเคราะห์น้อยกว่าภาษีอากรที่เรียกเก็บจากวิสาหกิจของอีกรัฐหนึ่งนั้นที่ประกอบกิจกรรมอย่างเดียวกัน

 

                บทนี้มิให้แปลความเป็นการผูกพันกับรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งในอันที่จะให้ค่าลดหย่อนผ่อนผันหรือการหักลดส่วนบุคคลใดๆ แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งเพื่อการเก็บภาษีอากรตามสถานะของบุคคลหรือตามความรับผิดชอบทางครอบครัวซึ่งรัฐนั้นให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐของตน

 

(3)          วิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งคนเดียวหรือหลายคนเป็นเจ้าของหรือควบคุมทุนอยู่ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมจะต้องไม่ถูกบังคับในรัฐแรกให้เสียภาษีอากรใดๆ หรือปฏิบัติตามข้อประสงค์ใดๆ เกี่ยวกับการนั้น อันเป็นการนอกเหนือไปจากหรือเป็นภาระหนักกว่าภาษีอากรและข้อประสงค์ที่เกี่ยวข้องซึ่งวิสาหกิจอื่นที่คล้ายคลึงกันของรัฐแรกนั้นถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสียหรือให้ปฏิบัติตาม

 

(4)          ในข้อนี้ คำว่า "ภาษีอากร" หมายถึงภาษีอากรทุกชนิดทุกลักษณะ

 

 

ข้อ 24

 

(1)          ในกรณีที่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐหนึ่งพิจารณาเห็นว่าการกระทำของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งรัฐใดหรือสองรัฐมีผลหรือจะมีผลให้ตนต้องเสียภาษีอากรโดยไม่เป็นไปตามความตกลงนี้ ผู้นั้นอาจยื่นเรื่องราวของตนต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาซึ่งตนมีถิ่นที่อยู่ แม้จะมีทางแก้ไขตามกฎหมายแห่งชาติของรัฐเหล่านั้นอยู่แล้วก็ตาม

 

(2)          ถ้าข้อคัดค้านนั้นปรากฏแก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจว่ามีเหตุผลสมควรและถ้าตนไม่สามารถที่จะหาทางแก้ไขที่เหมาะสมได้เอง ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจพยายามแก้ไขกรณีนั้น โดยความตกลงร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนอันไม่เป็นไปตามความตกลงนี้

 

(3)          ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐพยายามแก้ไขซึ่งข้อยุ่งยากหรือข้อสงสัยใดๆ อันเกิดขึ้นเกี่ยวกับการตีความหรือการใช้ความตกลงนี้โดยความตกลงร่วมกัน เจ้าหน้าที่ดังกล่าวยังอาจหารือกันเพื่อขจัดการเก็บภาษีซ้อนในบรรดากรณีที่มิได้บัญญัติในความตกลงนี้

 

(4)          เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐอาจติดต่อซึ่งกันและกันโดยตรงเพื่อให้มีความตกลงตามความหมายแห่งวรรคก่อนๆ นั้นและเพื่อแลกเปลี่ยนข้อสนเทศตามที่กำหนดไว้ในข้อ 25

 

 

ข้อ 25

 

(1)          ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐแลกเปลี่ยนข้อสนเทศเช่นว่าที่จำเป็นแก่การปฏิบัติการตามความตกลงนี้ ข้อสนเทศใดๆ ที่แลกเปลี่ยนกันนั้นให้ถือว่าเป็นความลับและมิให้เปิดเผยแก่บุคคลหรือเจ้าหน้าที่ใดๆ นอกเหนือจากผู้เกี่ยวข้องกับการประเมิน รวมทั้งการวินิจฉัยทางศาล หรือการเก็บภาษีอากรที่อยู่ในขอบข่ายของความตกลงนี้

 

(2)          ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม มิให้แปลความบทของวรรค 1 เป็นการตั้งข้อผูกพันบังคับผู้ทำสัญญารัฐใดรัฐหนึ่งให้

 

                (ก)          ดำเนินมาตรการด้านบริหารโดยไม่ขัดกับกฎหมายหรือวิธีปฏิบัติด้านบริหารของรัฐผู้ทำสัญญารัฐนั้นหรือของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง

 

                (ข)          ให้รายละเอียดอันมิอาจจัดหาได้ตามกฎหมายหรือตามทางการบริหารตามปกติของรัฐผู้ทำสัญญารัฐนั้นหรือของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง

 

                (ค)          ให้ข้อสนเทศซึ่งจะเปิดเผยความลับทางการค้า ธุรกิจ อุตสาหกรรม การพาณิชย์หรือวิชาชีพ หรือกรรมวิธีการค้า หรือข้อสนเทศซึ่งหากเปิดเผย จะเป็นการขัดกับความสงบเรียบร้อย

 

ปรับปรุงล่าสุด: 08-12-2011