เมนูปิด

ข้อ 21
เงินได้อื่นๆ

 

1.             ภายใต้บทบัญญัติของวรรค 2 บรรดารายการเงินได้ของผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อก่อนๆ ของอนุสัญญานี้ จะเก็บภาษีได้ในรัฐนั้นเท่านั้น

 

2.             อย่างไรก็ตาม ถ้าเงินได้เช่นว่านั้นได้รับโดยผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งจากแหล่งในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง เงินได้เช่นว่านั้นอาจเก็บภาษีในรัฐที่เงินได้นั้นเกิดขึ้น และตามกฎหมายของรัฐนั้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เงินได้จากมรดก หรือทรัสต์ ซึ่งได้มาจากแหล่งในประเทศแคนาดาโดยผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าของผลประโยชน์เงินได้นั้น ภาษีที่จัดเก็บในประเทศแคนาดาจะต้องไม่เกินร้อยละ 15 ของจำนวนเงินได้ทั้งหมด

 

 

บทที่ 4
วิธีการป้องกันการเก็บภาษีซ้อน

ข้อ 22
การขจัดการเก็บภาษีซ้อน

1.             ในกรณีของประเทศแคนาดา ให้หลีกเลี่ยงการเก็บภาษีซ้อนดังต่อไปนี้

 

                (ก)          ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติที่มีอยู่ของกฎหมายของประเทศ แคนาดาเกี่ยวกับการหักจากภาษี

                              ที่ต้องชำระในประเทศแคนาดาด้วย ภาษีที่จ่ายนอกอาณาเขตของประเทศแคนาดาและภายใต้การ

                              แก้ไข บทบัญญัติเหล่านั้นในภายหลัง ซึ่งจะไม่กระทบกระเทือนต่อหลัก การทั่วไปในที่นี้ และเว้น

                              แต่ว่าตามกฎหมายของประเทศแคนาดา กำหนดการหักหรือการผ่อนผันไว้มากกว่า ให้หักภาษีที่

                              ต้องชำระใน ประเทศไทยที่เก็บจากกำไรเงินได้ หรือผลได้ที่เกิดขึ้นในประเทศ ไทยได้จากภาษี

                              แคนาดาที่จ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับกำไร เงินได้หรือ ผลได้เช่นว่านั้น

 

                (ข)          ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติที่มีอยู่ของกฎหมายของประเทศแคนาดาเกี่ยวกับการกำหนดจำนวน

                              ส่วนเกินที่ได้รับยกเว้นของกิจการร่วมกับต่างประเทศ และภายใต้การแก้ไขบทบัญญัติเหล่านั้นใน

                              ภายหลังซึ่งไม่กระทบกระเทือนต่อหลักการทั่วไปในที่นี้ เพื่อความมุ่งประสงค์ในการคำนวณภาษี

                              แคนาดา ในการคำนวณเงินได้ที่ต้องเสียภาษีของบริษัทผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศแคนาดา จะยอมให้

                              หักเงินปันผลใดที่บริษัทรับจากส่วนเกินที่ได้รับยกเว้นของกิจการร่วมกับต่างประเทศที่มีถิ่นที่อยู่

                              ในประเทศไทย

 

2.             ในกรณีของประเทศไทย ให้หลีกเลี่ยงการเก็บภาษีซ้อนดังต่อไปนี้

 

                จำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระในประเทศแคนาดา ภายใต้กฎหมายของแคนาดาและตามบทบัญญัติของอนุสัญญานี้ ไม่ว่าจะชำระโดยตรงหรือโดยถูกหักไว้โดยผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้จากแหล่งต่างๆ ภายในประเทศแคนาดา ซึ่งต้องเสียภาษีในประเทศแคนาดาจะยอมให้ถือเป็นเครดิตต่อภาษีไทยที่ต้องชำระสำหรับเงินได้นั้น แต่ต้องเป็นจำนวนที่ไม่เกินกว่าสัดส่วนของภาษีไทยซึ่งเกิดจากเงินได้เช่นว่านั้นต่อเงินได้ทั้งหมดที่ต้องเสียภาษีไทยเพื่อความมุ่งประสงค์ในการกำหนดเงินได้ทั้งหมดนี้ จะไม่คำนึงถึงผลขาดทุนที่เกิดขึ้นในประเทศใด

 

3.             เพื่อความมุ่งประสงค์แห่งวรรค 1 (ก) คำว่า "ภาษีที่ต้องชำระในประเทศไทย" ให้ถือว่ารวมถึงจำนวนใดๆ ที่ควรจะต้องชำระเป็นภาษีไทยสำหรับปีใดๆ แต่ไม่ได้ชำระเพราะได้รับยกเว้นหรือลดภาษีเพื่อมุ่งส่งเสริมพัฒนาการทางอุตสาหกรรม การพาณิชย์ วิทยาศาสตร์ การศึกษาหรือการพัฒนาอื่น ในประเทศไทย สำหรับปีนั้นหรือส่วนใดของปีนั้นตาม

 

                (ก)          บทบัญญัติของกฎหมายจูงใจพิเศษ ซึ่งมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศไทย

                              ตราบเท่าที่บทบัญญัติดังกล่าวยังใช้บังคับ และมิได้แก้ไขตั้งแต่วันลงนามในอนุสัญญานี้ หรือได้มี

                              การแก้ไขเพียงเล็กน้อยโดยมิได้มีผลกระทบต่อลักษณะทั่วไปของบทบัญญัติดังกล่าว หรือ

 

                (ข)          บทบัญญัติอื่นใดซึ่งอาจบัญญัติขึ้นภายหลังเพื่อยกเว้นหรือลดภาษีซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐ

                              ผู้ทำสัญญาทั้งสองได้ตกลงยอมรับว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกันในสาระสำคัญ ถ้าบทบัญญัติดัง

                              กล่าวมิได้มีการแก้ไขหลังจากนั้นหรือได้มีการแก้ไขเพียงเล็กน้อยโดยมิได้มีผลกระทบต่อลักษณะ

                              ทั่วไปของบทบัญญัติดังกล่าว โดยมีเงื่อนไขว่าภาษีแคนาดาจะไม่ได้รับการผ่อนผันตามวรรคนี้ใน

                              ส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้จากแหล่งใดๆ ถ้าเงินได้นั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาซึ่งเริ่มต้นเกินสิบปี หลังจาก

                              ได้มีการยอมให้ยกเว้นหรือลดภาษีไทยในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้เหล่านั้นเป็นครั้งแรก โดยมี

                              เงื่อนไขอีกว่าการหักใดๆ จากภาษีแคนาดา ที่ให้ตามบทบัญญัติของวรรคนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับเงิน

                              ปันผล หรือดอกเบี้ย ที่จ่ายให้กับบุคคลธรรมดาจะต้องไม่เกินร้อยละ 15 ของจำนวนทั้งสิ้นและใน

                              ส่วนที่เกี่ยวกับเงินปันผลที่จ่ายให้กับบริษัท นอกเหนือจากบริษัทที่กล่าวถึงในวรรค 3 ของข้อ 10

                              หรือในส่วนที่เกี่ยวกับดอกเบี้ยที่จ่ายให้กับบริษัทจะต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของจำนวนทั้งสิ้น

 

4.             เพื่อความมุ่งประสงค์ของข้อนี้ กำไร เงินได้ หรือผลได้ของผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งซึ่งถูกเก็บภาษีในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งตามอนุสัญญานี้ให้ถือว่าเกิดขึ้นจากแหล่งในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้น

 

 

บทที่ 5
บทบัญญัติพิเศษ

ข้อ 23
การไม่เลือกประติบัติ

1.             คนชาติของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งจะไม่ถูกบังคับในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งให้เสียภาษีใดๆ หรือให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดใดๆ เกี่ยวกับการนั้นอันเป็นการนอกเหนือไปจากหรือเป็นภาระหนักกว่าการเก็บภาษีและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องซึ่งคนชาติของอีกรัฐหนึ่งนั้นถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสีย หรือให้ปฏิบัติตามในสถานการณ์เดียวกัน

 

2.             ภาษีที่เก็บจากสถานประกอบการถาวรซึ่งวิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งมีอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งจะไม่เรียกเก็บในอีกรัฐหนึ่งนั้นโดยเป็นการอนุเคราะห์น้อยกว่าภาษีที่เรียกเก็บจากวิสาหกิจของอีกรัฐหนึ่งที่ประกอบกิจกรรมอย่างเดียวกัน

 

3.             ไม่มีข้อความใดในข้อนี้ที่จะแปลความเป็นการผูกพันรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งที่จะให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง ซึ่งค่าลดหย่อนส่วนบุคคล การผ่อนผันและการหักลดเพื่อความมุ่งประสงค์ในทางภาษี เนื่องจากมีสถานะเป็นพลเมืองหรือความรับผิดชอบต่อครอบครัวซึ่งรัฐนั้นให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐของตน

 

4.             วิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่คนเดียวหรือหลายคนในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งเป็นเจ้าของหรือควบคุมทุนทั้งหมดหรือบางส่วนไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อมจะไม่ถูกบังคับในรัฐที่กล่าวถึงรัฐแรกให้เสียภาษีใดๆ หรือปฏิบัติตามข้อกำหนดใดๆ เกี่ยวกับการนั้น อันเป็นการนอกเหนือไปจากหรือเป็นภาระหนักกว่าการเก็บภาษีและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งวิสาหกิจอื่นที่คล้ายคลึงกันของรัฐที่กล่าวถึงรัฐแรกซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่คนเดียวหรือหลายคนในรัฐที่สามเป็นเจ้าของหรือควบคุมทุนทั้งหมดหรือบางส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมนั้นถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสียหรือให้ปฏิบัติตาม

 

5.             ในข้อนี้ คำว่า "ภาษี" หมายถึง ภาษีซึ่งเป็นเรื่องของอนุสัญญานี้

 

 

ข้อ 24
วิธีการเพื่อความตกลงร่วมกัน

1.             ในกรณีที่บุคคลพิจารณาว่าการกระทำของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งหรือทั้งสองรัฐ มีผลหรือจะมีผลให้ตนต้องเสียภาษีโดยไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งอนุสัญญานี้ บุคคลนั้นอาจยื่นเรื่องราวของตนต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาซึ่งตนมีถิ่นที่อยู่ โดยไม่คำนึงถึงทางแก้ไขที่มีอยู่ในกฎหมายภายในของรัฐทั้งสอง เป็นลายลักษณ์อักษรระบุมูลเหตุของการเรียกร้องให้มีการทบทวนการเก็บภาษีเช่นว่านั้นเพื่อให้ได้รับการพิจารณา การยื่นเรื่องดังกล่าวจะต้องกระทำภายในสองปีนับจากที่ได้รับแจ้งครั้งแรกถึงการกระทำที่ก่อให้เกิดภาษีอันไม่เป็นไปตามอนุสัญญานี้

 

2.             ถ้าข้อคัดค้านนั้นปรากฏแก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามที่กล่าวถึงในวรรค 1 ว่ามีเหตุสมควรและถ้าตนไม่สามารถที่จะหาทางแก้ไขที่เหมาะสมได้เอง ให้พยายามแก้ไขกรณีนั้นโดยความตกลงร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง เพื่อเว้นการเก็บภาษีอันไม่เป็นไปตามอนุสัญญานี้

 

3.             เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐจะพยายามแก้ไขข้อยุ่งยากหรือข้อสงสัยใดๆ อันเกิดขึ้นจากการตีความหรือการใช้อนุสัญญานี้โดยความตกลงร่วมกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาอาจปรึกษาหารือร่วมกันเพื่อพยายามตกลงกันใน

 

                (ก)          การแบ่งปันผลกำไรในแบบเดียวกันให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง และสถานประกอบ

                              การถาวรของตนซึ่งตั้งอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง

 

                (ข)          การแบ่งปันเงินได้ในแบบเดียวกันระหว่างผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งและบุคคลในเครือ

                              เดียวกันตามที่ได้กล่าวไว้ในข้อ 9

 

4.             เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐอาจปรึกษาหารือกันเพื่อขจัดการเก็บภาษีซ้อนในกรณีที่มิได้กำหนดไว้ในอนุสัญญานี้

 

 

ข้อ 25
การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศ

1.             เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐจะแลกเปลี่ยนข้อสนเทศอันจำเป็นแก่การปฏิบัติการตามบทบัญญัติของอนุสัญญานี้ หรือของกฎหมายภายในของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐเกี่ยวกับภาษีที่อยู่ในขอบข่ายของอนุสัญญานี้เท่าที่การเก็บภาษีตามกฎหมายนั้นไม่ขัดกับอนุสัญญา การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศจะไม่ถูกจำกัดโดยข้อ 1 ข้อสนเทศใดๆ ที่ได้รับโดยรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งจะถือว่าเป็นความลับเช่นเดียวกันกับข้อสนเทศที่ได้รับภายใต้กฎหมายภายในของรัฐนั้น และจะเปิดเผยได้เฉพาะกับบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ (รวมทั้งศาลและองค์กรฝ่ายบริหาร) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประเมินหรือการจัดเก็บ การบังคับในส่วนที่เกี่ยวกับหรือการวินิจฉัยคำอุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีที่อยู่ในขอบข่ายของอนุสัญญานี้ บุคคลหรือเจ้าหน้าที่ดังกล่าวจะใช้ข้อสนเทศนั้นเพียงเพื่อจุดประสงค์เช่นว่านั้นเท่านั้น บุคคลหรือเจ้าหน้าที่ดังกล่าวอาจเปิดเผยข้อสนเทศในกระบวนพิจารณาในศาลโดยเปิดเผย หรือคำวินิจฉัยของศาล

 

2.             ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม มิให้แปลความบทบัญญัติของวรรค 1 เป็นการตั้งข้อผูกพันบังคับรัฐผู้ทำสัญญาให้

 

                (ก)          ดำเนินมาตรการทางการบริหารโดยขัดกับกฎหมายหรือวิธีปฏิบัติทางการบริหารของรัฐผู้ทำ

                              สัญญารัฐนั้นหรือรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง

 

                (ข)          ให้ข้อสนเทศอันมิอาจจัดหาได้ตามกฎหมายหรือตามทางการบริหารโดยปกติของรัฐผู้ทำสัญญา

                              รัฐนั้นหรือรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง

 

                (ค)          ให้ข้อสนเทศซึ่งจะเปิดเผยความลับทางการค้า ธุรกิจ อุตสาหกรรม การพาณิชย์ หรือ ความลับ

                              ทางวิชาชีพ หรือ กรรมวิธีการค้า หรือข้อสนเทศ ซึ่งหากเปิดเผยจะเป็นการขัดกับความสงบเรียบ

                              ร้อย หรือศีลธรรมอันดี

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 08-12-2011