เงินได้ซึ่งมิได้ระบุไว้ชัดแจ้ง
บรรดารายการเงินได้ของผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งซึ่งมิได้ระบุไว้โดยชัดแจ้งในข้อก่อนๆ แห่งความตกลงนี้จะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐนั้นเท่านั้น เว้นไว้แต่ว่าเงินได้เช่นว่านั้นเกิดขึ้นจากแหล่งที่มีอยู่ภายในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง จึงอาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้น
บทที่ 4
การเก็บภาษีจากทุน
ทุน
1. ทุนที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ดังที่นิยามไว้ในวรรค 2 ของข้อ 6 อาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาซึ่งทรัพย์สินนั้นตั้งอยู่
2. ทุนที่เป็นสังหาริมทรัพย์อันเป็นส่วนของทรัพย์สินธุรกิจของสถานประกอบการถาวรของวิสาหกิจหรือเป็นสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับฐานประกอบการประจำที่ใช้ในการประกอบบริการวิชาชีพอาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญา ซึ่งสถานประกอบการประจำหรือฐานประกอบการประจำตั้งอยู่
3. เรือและอากาศยานที่ใช้ในการจราจรระหว่างประเทศ และสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเดินเรือหรืออากาศยานเช่นว่านั้น จะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐผู้ทำสัญญาซึ่งสถานจัดการใหญ่ของวิสาหกิจนั้นตั้งอยู่
4. องค์ประกอบอื่นใดทั้งปวงของทุนของผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง จะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐนั้น
บทที่ 5
การขจัดการเก็บภาษีซ้อน
วิธียกเว้นและเครดิต
1. ในกรณีของประเทศเบลเยี่ยม การเก็บภาษีซ้อนจะหลีกเลี่ยงด้วยวิธีต่อไปนี้
(ก) ในกรณีที่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศเบลเยี่ยมได้รับเงินได้ซึ่งอาจเก็บภาษีได้ ในประเทศไทย ตามบทบัญญัติแห่งความตกลงนี้ และไม่อยู่ภายใต้บังคับ แห่งบทบัญญัติของอนุวรรค (ข), (ค) และ (ง) ข้างล่างนี้ หรือเป็นเจ้าของทุนบางส่วนซึ่งอาจเก็บภาษีได้ในประเทศตามบทบัญญัติแห่งความตกลงนี้ ประเทศเบลเยี่ยมจะยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้และทุนบางส่วนที่ว่านั้น แต่ในการคำนวณจากภาษีเงินได้หรือทุน ส่วนที่เหลือของผู้มีถิ่นที่อยู่ประเทศเบลเยี่ยมนั้นอาจใช้อัตราภาษีอันจะพึงใช้ได้ ถ้าเงินได้หรือทุนบางส่วนเช่นว่านั้นไม่ได้รับการยกเว้น
(ข) ในกรณีของเงินปันผลที่ต้องเสียภาษีตามวรรค 2 ของข้อ 10 และตามอนุวรรค (ง) ข้างล่างนี้มิได้รับการยกเว้นภาษีจากภาษีเบลเยี่ยม ดอกเบี้ยที่ต้องเสียภาษีตามวรรค 2 หรือ 7 ของข้อ 11 และค่าสิทธิที่ต้องเสียภาษีตามวรรค 2 หรือ 5 ของข้อ 12 โดยไม่รวมถึงผลได้ในวรรค 6 ของข้อ 12 อนุญาตให้ใช้เป็นเครดิตต่อภาษีเบลเยี่ยมที่เกี่ยวกับเงินได้ดังกล่าวเท่ากับสัดส่วนคงที่ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีต่างประเทศซึ่งกำหนดไว้ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายเบลเยี่ยม ตามเงื่อนไขและอัตราที่กำหนดโดยกฎหมายดังกล่าว
(ค) ในกรณีที่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศเบลเยี่ยมได้รับเงินได้ ตามบังคับแห่งบทบัญญัติของข้อ 21 และได้เก็บภาษีในประเทศไทย จำนวนภาษีเบลเยี่ยมอันเนื่องมาจากเงินได้นั้น จะต้องไม่เกินจำนวนที่จะพึงถูกเก็บตามกฎหมายของประเทศเบลเยี่ยม ถ้าเงินได้ได้ถูกเก็บภาษีเช่นเดียวกับเงินได้จากแหล่งต่างๆ นอกประเทศเบลเยี่ยมและตามบังคับของภาษีต่างประเทศ
(ง) ในกรณีที่บริษัทผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศเบลเยี่ยมเป็นเจ้าของหุ้น หรือสิทธิอย่างอื่นในบริษัทหนึ่งที่มีทุนหุ้นซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยและผลกำไรของบริษัทนั้นอยู่ในบังคับของภาษีไทย เงินปันผลซึ่งต้องเสียภาษีในประเทศไทย ตามวรรค 2 ของข้อ 10 ที่จ่ายให้บริษัทนั้นโดยอีกบริษัทหนึ่ง จะได้รับการยกเว้นภาษีจากภาษีเงินได้บริษัทในประเทศเบลเยี่ยมเป็นจำนวนเท่ากับการยกเว้น อันจะพึงมีถ้าบริษัททั้งสองได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศเบลเยี่ยม
(จ) ตามกฎหมายของประเทศเบลเยี่ยม ในกรณีที่ผลขาดทุนของวิสาหกิจที่ประกอบธุรกิจโดยผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศเบลเยี่ยม ที่เป็นของสถานประกอบการถาวรที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ได้หักในประการสำคัญออกจากกำไรของวิสาหกิจนั้นสำหรับการเสียภาษีในประเทศเบลเยี่ยม การยกเว้นภาษีที่ได้บัญญัติไว้ในอนุวรรค (ก) จะไม่ใช้บังคับกับกำไรของสถานประกอบการนั้นในช่วงระยะอื่นๆ ของการเก็บภาษีในประเทศเบลเยี่ยม เมื่อกำไรเหล่านั้นได้รับการยกเว้นเช่นกันจากภาษีในประเทศไทยเพื่อเป็นค่าชดเชยสำหรับผลขาดทุนดังกล่าว
2. ในกรณีของประเทศไทย จะหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีซ้อนดังนี้
(ก) ภาษีเบลเยี่ยมที่จะต้องชำระในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้ที่ได้ในประเทศเบลเยี่ยมจะยอมให้ใช้เป็นเครดิตต่อภาษีไทยอันต้องชำระในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้นั้นอย่างไรก็ตาม เครดิตนั้นจะต้องไม่เกินจำนวนภาษีไทยส่วนที่ได้คำนวณไว้ก่อนที่จะให้เครดิตตามจำนวนที่เหมาะสมกับเงินได้รายการนั้น อย่างไรก็ตามในกรณีที่เงินได้นั้นเป็นเงินปันผลซึ่งบริษัทซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศเบลเยี่ยมจ่ายให้แก่บริษัทซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยและซึ่งมีหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในบริษัทผู้จ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ประเทศไทยจะยกเว้นภาษีเงินได้เช่นว่านั้น แต่ในการคำนวณภาษีจากเงินได้ส่วนที่เหลือของบุคคลนั้นอาจใช้อัตราภาษีซึ่งควรจะใช้ได้ถ้าเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นนั้นไม่ได้รับการยกเว้นมาก่อน
(ข) ในกรณีที่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยเป็นเจ้าของทุน ซึ่งตามบทบัญญัติแห่งความตกลงนี้อาจเก็บภาษีได้ในประเทศเบลเยี่ยม ประเทศไทยจะยกเว้นภาษีสำหรับทุนนั้น
บทที่ 6
บทบัญญัติพิเศษ
การไม่เลือกประติบัติ
1 คนชาติของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐใดรัฐหนึ่งหรือไม่ก็ตาม จะต้องไม่ถูกบังคับในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งให้เสียภาษีอากรใดๆ หรือให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดใดๆ เกี่ยวกับการนั้นอันเป็นการนอกเหนือไปจาก หรือเป็นภาระหนักกว่าการเก็บภาษีอากรและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคนชาติของอีกรัฐหนึ่งนั้นถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสียหรือให้ปฏิบัติตามในสภาพการณ์เดียวกัน
2. ภาษีอากรเก็บจากสถานประกอบการถาวรซึ่งวิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง มีอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง จะต้องไม่เรียกเก็บในรัฐอีกรัฐหนึ่งนั้น โดยเป็นการอนุเคราะห์น้อยกว่าภาษีอากรที่เรียกเก็บจากวิสาหกิจของอีกรัฐหนึ่งนั้นที่ประกอบกิจกรรมอย่างเดียวกัน
บทบัญญัตินี้จะไม่ถือเป็นการผูกพันรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งในอันที่จะให้ค่าลดหย่อนการผ่อนผันและการหักลดส่วนบุคคลแก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง เพื่อความมุ่งประสงค์ในทางภาษีตามสถานะทางแพ่ง หรือตามความรับผิดชอบทางครอบครัวซึ่งรัฐนั้นให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐของตน
3. นอกจากในกรณีที่บทบัญญัติของข้อ 9 วรรค 7 ของข้อ 11 หรือวรรค 5 ของข้อ 12 ใช้บังคับ ดอกเบี้ย ค่าสิทธิ และการจ่ายอื่นๆ โดยวิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งจ่ายให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง เพื่อจุดประสงค์แห่งการกำหนดผลกำไรที่พึงเสียภาษีของวิสาหกิจนั้น จะหักลดหย่อนได้ตามเงื่อนไขเดียวกันเหมือนหนึ่งว่าได้จ่ายเงินเหล่านั้นให้กับผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐแรก
ในทำนองเดียวกัน หนี้สินใดๆ ของวิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งผู้เป็นลูกหนี้ของผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง เพื่อความมุ่งประสงค์แห่งการกำหนดทุนที่พึงเสียภาษีของวิสาหกิจนั้น จะหักลดหย่อนได้เหมือนหนึ่งว่าหนี้สินเหล่านั้นเป็นของผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐแรก
4. วิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งคนเดียวหรือหลายคนเป็นเจ้าของหรือควบคุมทุนอยู่ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม จะต้องไม่ถูกบังคับในรัฐแรกให้เสียภาษีอากรใดๆ หรือปฏิบัติตามข้อกำหนดใดๆ เกี่ยวกับการนั้นอันเป็นการนอกเหนือจากหรือเป็นภาระหนักกว่าภาษีอากรและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องซึ่งวิสาหกิจอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันของรัฐแรกนั้นถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสียหรือให้ปฏิบัติตาม
5. ไม่มีข้อความใดในข้อนี้จะถือเป็นการห้ามประเทศเบลเยี่ยมมิให้
(ก) เก็บภาษีจำนวนทั้งสิ้นของกำไรที่เป็นของสถานประกอบการถาวร ในประเทศเบลเยี่ยมของบริษัทผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย หรือของสมาคมที่มีสถานจัดการใหญ่ในประเทศไทยในอัตราภาษีที่บัญญัติ โดยกฎหมายเบลเยี่ยม แต่อัตรานี้ต้องไม่เกินอัตราสูงสุด ซึ่งใช้บังคับต่อผลกำไรของบริษัทที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศเบลเยี่ยม
(ข) บังคับจัดเก็บภาษีเงินจ่ายล่วงหน้าสังหาริมทรัพย์จากเงินปันผล ที่ได้รับจากการถือหุ้นที่เกี่ยวข้องในประการสำคัญกับสถานประกอบการถาวร หรือฐานประกอบการประจำ ที่ตั้งอยู่ในประเทศเบลเยี่ยมของบริษัทที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย หรือของสมาคมที่มีสถานจัดการใหญ่ในประเทศไทยและเสียภาษีในลักษณะของนิติบุคคลในประเทศเบลเยี่ยม
6. ในข้อนี้คำว่า "ภาษีอากร" หมายถึงอากรทุกชนิดและทุกลักษณะ
วิธีการเพื่อความตกลงร่วมกัน
1. ในกรณีที่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งพิจารณาเห็นว่าการกระทำของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งรัฐใดหรือทั้งสองรัฐ มีผลหรือจะมีผลให้ตนต้องเสียภาษีอากรโดยไม่เป็นไปตามความตกลงนี้ ผู้นั้นอาจยื่นเรื่องราวของตนต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาซึ่งตนมีถิ่นที่อยู่ แม้จะมีทางแก้ไขตามกฎหมายแห่งชาติของรัฐเหล่านั้นอยู่แล้วก็ตาม หรือถ้าเรื่องราวของบุคคลนั้นอยู่ในความบังคับของวรรค 1 ของข้อ 24 ให้ยื่นต่อรัฐผู้ทำสัญญาที่เขาเป็นคนชาติ กรณีนี้ต้องยื่นภายในสามปี นับตั้งแต่มีหนังสือแจ้งฉบับแรกถึงการปฏิบัติทางภาษีอันไม่เป็นไปตามความตกลงนี้
2. ถ้าข้อคัดค้านนั้นปรากฏแก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจว่ามีเหตุผลสมควร และถ้าตนไม่สามารถที่จะหาทางแก้ไขที่เหมาะสมได้เอง เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจะพยายามแก้ไขกรณีนั้นโดยความตกลงร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนอันไม่เป็นไปตามความตกลงนี้
3. เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐจะพยายามแก้ไขข้อยุ่งยาก หรือข้อสงสัยใดๆ อันเกิดขึ้นกับการใช้ความตกลงนี้โดยความตกลงร่วมกัน
4. เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐจะตกลงในวิธีการแห่งการบริหาร ซึ่งจำเป็นแก่การที่จะใช้บทบัญญัติของความตกลงนี้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับการพิสูจน์ที่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาของแต่ละรัฐจะพึงแสดง เพื่อที่จะได้ผลประโยชน์จากรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งในการได้รับการยกเว้นภาษีและการหักค่าลดหย่อนดังที่ได้บัญญัติไว้ในความตกลงนี้ เมื่อเห็นเป็นการสมควรที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนั้นด้วยวาจาเพื่อให้มีความตกลงกัน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนั้นอาจกระทำโดยคณะกรรมาธิการอันประกอบด้วยผู้แทนของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐ