เมนูปิด

คำพิพากษาฎีกาที่2537/2544 
นายชาตรี ครุสุพรโจทก์

กรมสรรพากร

จำเลย
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 27 ทวิ

โจทก์ฟ้อง ขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์กับงดเบี้ยปรับเงินเพิ่ม
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ให้ลดเบี้ยปรับ คงให้เจ้าพนักงานเรียกเก็บร้อยละ 30 ของเบี้ยปรับตามกฎหมาย คำขออื่นของโจทก์ นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยมีว่าการที่ศาลภาษีอากรกลางลดเบี้ยปรับให้โจทก์คงให้เรียกเก็บร้อยละ 30 ของเบี้ยปรับตามกฎหมายเป็นการชอบหรือไม่ จำเลยอุทธรณ์ปัญหาข้อนี้ว่า การที่ศาลภาษีอากรกลางใช้ดุลพินิจลดเบี้ยปรับลงอีกเหลือเพียงร้อยละ 30 ของเบี้ยปรับตามกฎหมายโดยให้เหตุผลว่า เพราะโจทก์ให้ความร่วมมือแก่ศาลในการพิจารณาคดีมิใช่เป็นการลดโดยอาศัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์ของผู้มีหน้าที่เสียภาษีตั้งแต่ชั้นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่าศาลภาษีอากรกลางให้เหตุผลในการลดเบี้ยปรับว่า เพราะโจทก์ไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการชำระภาษีและให้ความร่วมมือแก่ศาลในการพิจารณาคดี หาใช่เพราะโจทก์ให้ความร่วมมือแก่ศาลในการพิจารณาคดีแต่เพียงประการเดียวไม่ ปรากฏจากรายงานการพิจารณาอุทธรณ์ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปีภาษี 2536 ถึง 2539 ของโจทก์ว่า เจ้าพนักงานของจำเลยให้ความเห็นในประเด็นที่โจทก์ของดหรือลดเบี้ยปรับว่า พฤติการณ์ของโจทก์ไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีแต่อย่างใด แต่เกิดจากความสำคัญผิดและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในข้อกฎหมาย ประกอบกับคณะบุคคลได้ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบไต่สวนในชั้นตรวจสอบภาษีอากร จึงพิจารณาลดเบี้ยปรับให้… ดังนั้น แม้โจทก์จะไม่ติดใจ สืบพยาน แต่ศาลภาษีอากรกลางก็มีอำนาจนำข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากเอกสารของจำเลยดังกล่าว ในสำนวนมาประกอบดุลพินิจในการพิจารณางดหรือลดเบี้ยปรับได้ ที่จำเลยอ้างว่าการลดเบี้ยปรับให้แก่ผู้เสียภาษีอากรต้องเป็นไปตามระเบียบของอธิบดีกรมสรรพากรที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 27 ทวิ วรรคสอง นั้น เห็นว่า แม้บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวจะให้อำนาจแก่อธิบดีกรมสรรพากรวางระเบียบในการงดหรือลดเบี้ยปรับออกมาใช้ แต่เป็นเพียงระเบียบที่เจ้าพนักงานประเมินจะต้องถือปฏิบัติ ไม่มีผลผูกพันศาลให้ต้องปฏิบัติตามระเบียบเช่นว่านั้น ศาลมีอำนาจพิจารณาว่าการที่เจ้าพนักงานงดหรือลดเบี้ยปรับมานั้นถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ และมีอำนาจที่จะงดหรือลดเบี้ยปรับได้เองในกรณีที่มีเหตุอันสมควรอีกด้วย เมื่อโจทก์ไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการชำระภาษีจึงไม่ควรต้องเสียเบี้ยปรับในอัตราสูงนัก และเบี้ยปรับตามกฎหมายที่โจทก์จะต้องเสียมีจำนวนถึง 2 เท่าของจำนวนภาษี การที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้โจทก์เสียเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมายซึ่งยังคงมีจำนวนเท่ากับจำนวนเงินภาษีจึงยังเป็นอัตราที่สูงไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ การที่ศาลภาษีอากรกลางลดเบี้ยปรับลงคงให้เรียกเก็บอัตราร้อยละ 30 ของเบี้ยปรับตามกฎหมาย จึงมิใช่อัตราที่ต่ำเกินไปนับว่าเป็นการชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

 

ปรับปรุงล่าสุด: 12-02-2021