เมนูปิด

คำพิพากษาฎีกาที่6105/2534

 

บริษัท ร่วมวัฒนาพืชผล จำกัด

โจทก์

กรมสรรพากร กับพวก

จำเลย

กฎหมายที่เกี่ยวข้องประมวลรัษฎากร มาตรา 3 เตรส, 27, 30, 65 ตรี (18), 89, 89 ทวิ

โจทก์อุทธรณ์ขอให้เพิกถอนการประเมินทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 3 เตรส แม้โจทก์ยกขึ้นมาเป็นข้อโต้แย้งการประเมินของเจ้าพนักงานตามคำอุทธรณ์เฉพาะในเรื่องภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีการพิจารณาถึงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่ายและภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 3 เตรส ด้วย แสดงว่าภาษีสองประเภทนี้ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มาแล้ว ตามมาตรา 30 แห่ง ป.ร.ก. โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องต่อศาลได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่าย โจทก์ยอมรับว่ามิได้มีการหักภาษีเงินได้ เมื่อจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างของโจทก์ และโจทก์ยินยอมให้เจ้าพนักงานประเมินคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นการเหมาพร้อมเงินเพิ่ม และโจทก์ก็มิได้โต้แย้งจำนวนเงินค่าจ้างแรงงานที่เจ้าพนักงานตรวจพบ ดังนั้น การประเมินจึงชอบด้วยกฎหมาย
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 3 เตรส นั้น เมื่อโจทก์รับซื้อข้าวโพดและข้าว ซึ่งเป็นพืชผลในทางการเกษตร โจทก์จ่ายเงินค่าซื้อสินค้าทางการเกษตร โจทก์จึงมีหน้าที่ ที่จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย เพื่อนำส่งเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เมื่อโจทก์มิได้หักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่ง ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานประเมินภาษีจากเงินจำนวนที่ตรวจพบ จึงเป็นการประเมินที่ชอบด้วยกฎหมาย
ค่าโทรศัพท์และค่ากระแสไฟฟ้า เป็นกรณีที่จะต้องมีเอกสารหลักฐานเก็บไว้ แต่โจทก์ไม่มีมาแสดง และจำเลยก็ยังโต้แย้งอยู่ ตลอดจนค่าดำเนินการตามพิธีศุลกากรและอากรขาเข้าสำหรับสินค้าที่โจทก์สั่งเข้ามา ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์จ่ายให้ใคร อย่างไร เมื่อใด จึงเป็นรายจ่ายซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ ต้องห้ามมิให้นำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ตามมาตรา 65 ตรี (18)
โจทก์มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งตามกฎหมาย แต่โจทก์ไม่หักไว้และนำส่ง โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องชำระเงินเพิ่มจนกว่าโจทก์จะชำระภาษีในส่วนนี้เสร็จ แต่ไม่เกินจำนวนภาษีที่จะต้องเสีย หรือนำส่งตามมาตรา 27 มิใช่ชำระเงินเพียงวันที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้องยื่นแบบแสดงรายการ

 

ปรับปรุงล่าสุด: 31-01-2021