ศาสตราจารย์ ครู และนักวิจัย
ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ผู้ซึ่งโดยคำเชิญของมหาวิทยาลัย วิทยาลัย หรือ สถาบันอื่น ๆ ซึ่งรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง หรือองค์การที่ไม่ค้ากำไร เป็นเจ้าของ ได้เข้ามาอยู่ในอีกรัฐหนึ่ง นั้น เพียงเพื่อความมุ่งประสงค์ในการสอน หรือการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในสถาบันเช่นว่านั้น เป็นระยะเลาไม่เกิน 2 ปี มิให้ถูกเก็บภาษีในอีกรัฐหนึ่งนั้น สำหรับค่าตอบแทนจากการสอน หรือการวิจัยเช่นว่านั้น
เงินได้ซึ่งมิได้ระบุไว้ชัดแจ้ง
บรรดารายการเงินได้ของผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ซึ่ง มิได้ระบุไว้โดยชัดแจ้งในข้อก่อน ๆ แห่งอนุสัญญานี้ อาจเก็บภาษีได้ในรัฐที่เงินได้เกิดขึ้น
วิธีการเก็บภาษีซ้อน
การเก็บภาษีซ้อนให้หลีกเลี่ยงเสียด้วยวิธีดำเนินการดังนี้คือ
1. ในกรณีของประเทศฝรั่งเศส
ก) เงินได้อื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในอนุวรรค (ข) ข้างล่างนี้ จะได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีฝรั่งเศสตามที่ระบุไว้ในอนุวรรค (3) (ข) ของข้อ 2 หากเงินได้ดังกล่าวต้องเสียภาษีไทยตามอนุสัญญาและภายใต้กฎหมายของไทย
ข) สำหรับเงินได้ซึ่งระบุไว้ในข้อ 8,10,11,12,16และ 17 ซึ่งต้องเสียภาษีไทยตามบทแห่งข้อต่างๆ นี้ ฝรั่งเศสจะอนุญาติให้ผู้มีถิ่นที่อยู่ในฝรั่งเศสซึ่งได้รับ เงินได้จากประเทศไทย ได้รับเครดิตภาษีมีจำนวนเท่ากับภาษีที่เก็บในประเทศไทยโดยมีเงื่อนไข ว่าในกรณีของเงินปันผลซึ่งระบุไว้ในข้อ 10 เครดิตดังกล่าวเพียงไม่เกินกว่าจำนวนภาษี ฝรั่งเศสซึ่งเก็บจากรายได้นั้น ให้ใช้ได้กับภาษีซึ่งระบุไว้ในอนุวรรค (3)(ข) ของข้อ 2 ในฐานซึ่งเงินได้เช่นว่านั้นรวมอยู่
ค) แม้จะมีบทของอนุวรรค (ก) และ (ข)อยู่โดยเหตุของอนุสัญญานี้ภาษีฝรั่งเศส อาจคำนวณจากเงินได้ซึ่งเก็บในฝรั่งเศสในอัตราที่เป็นส่วนสัดอันสมควรกับเงินได้ทั้งสิ้นที่ต้องเสียภาษีตามกฎหมายฝรั่งเศส
2. ในกรณีของประเทศไทย
ก) เงินได้นอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในอนุวรรค (ข)ข้างล่างนี้ จะได้รับการยกเว้นภาษีไทยตามที่ระบุไว้ในอนุวรรค (3) (ข) ของข้อ 2 หากเงินได้ดังกล่าวต้องเสีย ภาษีฝรั่งเศสตามอนุสัญญาและภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส
ข) สำหรับเงินได้ซึ่งระบุไว้ในข้อ8,10,11,12,16 และ 17 ซึ่งต้องเสียภาษีฝรั่งเศสตามบท แห่งข้อเหล่านี้ ประเทศไทยจะอนุญาตให้ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งได้รับเงินได้จากฝรั่งเศส ได้ รับเครดิตจากภาษีไทย เครดิตดังกล่าวจะคิดจากจำนวนภาษีซึ่ง ชำระให้กับประเทศฝรั่งเศส แต่จะ ต้องไม่เกินส่วนของภาษีไทยซึ่งรายได้สุทธิจากแหล่งต่าง ๆ ภายในประเทศ ฝรั่งเศสจะต้องเสีย ภาษีในประเทศไทย ในการกำหนดรายได้สุทธิทั้งสิ้นนั้น ผลขาดทุนซึ่งเกิด ขึ้นในประเทศใดๆ จะไม่นำมารวมพิจารณาด้วย
ค) แม้จะมีบทของอนุวรรค (ก) และ(ข) โดยเหตุของอนุสัญญานี้ ภาษีไทย อาจคำนวณจากเงินได้ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศไทยในอัตราที่สมควรกับเงินได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตามกฎหมายไทย
การไม่เลือกประติบัติ
1. คนชาติของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง จะต้องไม่ถูกบังคับ ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งให้เสียภาษีอากรใด ๆ หรือไห้ปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎเกณฑ์ใด ๆ เกี่ยวกับการนั้น อันเป็นการนอก เหนือไปจาก หรือเป็นภาระหนักกว่าการเก็บภาษีอากร และข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องซึ่งคนชาติของอีกรัฐหนึ่งนั้น ถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสียหรือให้ปฏิบัติตามในพฤติการณ์เดียวกัน
2. คำว่า "คนชาติ" หมายความว่า
ก) บุคคลธรรมดาทั้งปวงที่มีสัญชาติของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง
ข) นิติบุคคล ห้างหุ้นส่วน และสมาคมทั้งปวงที่ได้ สถานภาพดังกล่าวตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง
3. ภาษีอากรเก็บจากสถานประกอบการถาวร ซึ่งวิสาหกิจของรัฐ ผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง มีอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง จะต้องไม่เรียกเก็บในอีกรัฐหนึ่ง โดยเป็นการอนุเคราะห์น้อยกว่าภาษีอากร ที่เรียกเก็บจากวิสาหกิจของอีกรัฐหนึ่งนั้นที่ ประกอบกิจกรรมอย่างเดียวกัน
บทนี้ มิให้แปลความเป็นการผูกพันรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งรัฐใด ในอันที่จะให้ค่าลดหย่อนการผ่อนผันหรือการหักลดส่วนบุคคล แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญา อีกรัฐหนึ่ง เพื่อการเก็บภาษีอากรตามสถานะของบุคคล หรือตามความรับผิดชอบทางครอบครัว ซึ่งรัฐนั้นให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐของตน
4. วิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐ ผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง คนเดียวหรือหลายคนเป็นเจ้าของหรือควบคุมทุนอยู่ทั้งหมด หรือแต่บางส่วน ไม่ว่า โดยตรงหรือทางอ้อม จะต้องไม่ถูกบังคับในรัฐแรกให้เสียภาษีอากรใด ๆ หรือปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎเกณฑ์ใด ๆ ที่เกี่ยวกับการนั้น อันเป็นการนอกเหนือไปจาก หรือเป็นภาระหนักกว่าภาษีอากร และข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งวิสาหกิจอื่นที่คล้ายคลึงกับของรัฐแรกนั้น ถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสียหรือให้ปฏิบัติตาม
5. ในข้อนี้ คำว่า "ภาษีอากร" หมายความว่า ภาษีอากรทุกชนิดทุกลักษณะ
วิธีการเพื่อความตกลงร่วมกัน
1. ในกรณีที่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง พิจารณาเห็นว่า การกระทำของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งรัฐใดหรือทั้งสองรัฐ มีผลหรือจะมีผลให้ต้องเสียภาษีอากร โดย ไม่เป็นไปตามอนุสัญญานี้ ผู้นั้นอาจยื่นเรื่องราวของตนต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ ของรัฐผู้ทำสัญญา ซึ่งตนมีถิ่นที่อยู่ แม้จะมีทางแก้ไขตามกฎหมายแห่งชาติของรัฐเหล่านั้นอยู่แล้วก็ตาม
2. ถ้าข้อคัดค้านนั้น ปรากฏแก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจว่ามีเหตุผล สมควร และถ้าตนไม่สามารถที่จะหาทางแก้ไขที่เหมาะสมได้เอง ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจพยายามแก้ไขกรณีนั้น โดยความตกลงร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน อันไม่ เป็นไปตามอนุสัญญานี้
3. ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้ง 2 รัฐ พยายาม แก้ไขซึ้งข้อยุ่งยาก อันเกิดขึ้นเกี่ยวกับการตีความหรือการใช้อนุสัญญานี้ โดยความตกลงร่วมกัน เจ้าหน้าที่ดังกล่าวยังอาจหารือกันเพื่อขจัดการเก็บภาษีซ้อน ในบรรดากรณีที่มิได้บัญญัติไว้ในอนุสัญญานี้
4. เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้ง 2 รัฐ อาจติดต่อกันโดยตรง เพื่อให้มีความตกลงตามความหมายแห่งวรรคก่อน ๆ เมื่อเห็นเป็นการสมควรที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันด้วย วาจาเพื่อให้มีความตกลงกัน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนั้น อาจกระทำโดยทางคณะกรรมการอันประกอบก้วยผู้แทนของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ ของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐ
5. เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ จะกำหนดวิธีการใช้อนุสัญญานี้