เมนูปิด

ข้อ 11

ดอกเบี้ย

 

1.             ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง และจ่ายให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งอาจเก็บภาษีได้ในอีกรัฐหนึ่งนั้น

 

2.             อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยนั้นอาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาที่ดอกเบี้ยเกิดขึ้น และเป็นไปตามกฎหมายของรัฐนั้น แต่ในกรณีต่อไปนี้ภาษีที่เรียกเก็บจะต้องไม่เกิน

 

                 ก)            ร้อยละ 3 ของจำนวนดอกเบี้ยที่จ่ายสำหรับเงินกู้หรือสินเชื่อซึ่งมีกำหนดเวลาสี่ปีหรือมากกว่านั้น ในส่วนที่สถาบันการเงินสาธารณะมีส่วนร่วมให้กู้แก่ส่วนร่วมให้กู้แก่ส่วนราชการตามกฎหมาย หรือแก่วิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งในเรื่องที่เกี่ยวกับการจำหน่ายเครื่องจักร หรือการสำรวจ การติดตั้งหรือในการ จัดหาสถานที่เพื่อการอุตสาหกรรม พาณิชย์กรรม หรือการวิทยาศาสตร์และสาธารณูปการ

 

                 ข)            ร้อยละ 10 ของจำนวนดอกเบี้ยที่จ่ายให้สถาบันการเงินใด ๆ ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง

 

3.             แม้จะมีบทของวรรค 2 อยู่ ดอกเบี้ยดังที่ได้กล่าวไว้ในวรรค 1 ที่เกิดขึ้น ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งจะไม่ถูกเก็บภาษี หากเป็นดอกเบี้ยที่จ่ายให้แก่รัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง หรือแก่ส่วนราชการตามกฎหมายของรัฐผู้ทำสัญญานั้น ๆ

 

4.             คำว่า "ดอกเบี้ย" ที่ใช้ในข้อนี้ หมายถึงเงินได้จากหลักทรัพย์รัฐบาล พันธบัตร หรือหุ้นกู้ ไม่ว่าจะมีหลักประกันจำนองหรือไม่ และไม่ว่าจะมีสิทธิร่วมกันในผลกำไรหรือไม่ และสิทธิเรียกร้องหนี้ทุกชนิรวมทั้งเงินได้อื่น ๆ ทั้งมวลซึ่งมีลักษณะทำนองเดียวกับเงินได้จากการ ให้กู้ยืมเงินตามกฎหมายภาษีอากรของรัฐซึ่งเงินได้นั้นเกิดขึ้น

 

5.             มิให้ใช้บทของวรรค 1 และวรรค 2 บังคับ ถ้าหากผู้รับดอกเบี้ยซึ่ง เป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งที่ดอกเบี้ยนั้นเกิดขึ้น ซึ่งสถานประกอบการถาวรอันเกี่ยวข้องในประการสำคัญกับสิทธิเรียกร้องหนี้ที่ก่อให้เกิดดอกเบี้ยนั้น ในกรณีดังกล่าวให้ใช้บทของข้อ 7 บังคับ

 

6.             ดอกเบี้ยให้ถือว่าเกิดขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ถ้าผู้จ่ายเป็นรัฐนั้น ส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่นของรัฐนั้นปรือผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐนั้น อย่างไรก็ตามในกรณี บุคคลที่จ่ายดอกเบี้ยไม่ว่าจะเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งหรือไม่ก็ตาม มีอยู่ซึ่งสถานประกอบการถาวรในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งอัน ก่อให้เกิดหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยและดอกเบี้ยนั้นตกเป็นภาระแก่สถานประกอบการนั้น ดอกเบี้ยเช่นว่านั้นให้ถือว่าเกิดขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญาซึ่งสถานประกอบการนั้นตั้งอยู่

 

7.             ในกรณีใดที่โดยเหตุผลแห่งความสัมพันธ์เป็นพิเศษระหว่างผู้จ่ายและผู้รับหรือระหว่างบุคคลทั้งสองนั้นกับบุคคลอื่น ดอกเบี้ยที่จ่ายให้กันนั้นเมื่อคำนึงถึงสิทธิเรียกร้องหนี้ อันเป็นมูลแห่งการจ่ายดอกเบี้ยแล้ว มีจำนวนเงินเกินกว่าเงินซึ่งควรได้ตกลงระหว่างผู้จ่ายกับผู้รับหากไม่มี ความสัมพันธ์เช่นนั้น บทของข้อนี้ให้ใช้บังคับเฉพาะแก่เงินจำนวนหลัง ในกรณีเช่นนั้นส่วนเกิน ของเงินที่ชำระนั้นให้คงเก็บภาษีได้ตามกฎหมายของรัฐผู้ทำสีญญาแต่ละรัฐ ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงบทอื่น ๆ แห่งอนุสัญญานี้ด้วย

 

 

ข้อ 12

ค่าสิทธิ

 

1.             ค่าสิทธิที่เกิดขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง และจ่ายให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญา ที่รัฐหนึ่งอาจเก็บภาษีได้ในอีกรัฐหนึ่ง

 

2.             อย่างไรก็ตาม ค่าสิทธิเช่นว่านั้น อาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญา ซึ่งค่าสิทธินั้นเกิดขึ้นแต่ภาษีที่เรียกเก็บนั้น จะต้องไม่เกิน

 

                 ก)            ร้อยละ 5 ของจำนวนค่าสิทธิทั้งสิ้น ถ้าค่าสิทธิ นั้นจ่ายเป็นค่าตอบแทนในการจำหน่ายหรือเพื่อการใช้ หรือสิทธิในการใช้ลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรม ศิลปะ หรือวิทยาศาสตร์ใดๆ

 

                 ข)            ร้อยละ 15 ของจำนวนค่าสิทธิทั้งสิ้น สำหรับค่าสิทธิอื่น

 

3.             แม้จะมีบทของวรรค 2 อยู่ ค่าสิทธิรวมทั้งการจ่ายเงินอื่นที่มี ลักษณะทำนองเดียวกัน ซึ่งจ่ายให้แก่รัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง หรือแก่บริษัทซึ่งเป็นของรัฐ ในเรื่องที่เกี่ยวกับฟิล์ม หรือ เทป จะไดรับ การยกเว้นภาษี ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง

 

4.             คำว่า "ค่าสิทธิ" ซึ่งใช้ตามข้อนี้ หมายถึง การจ่ายเงินชนิดใด ก็ตามที่ได้รับเป็นค่าตอบแทนจากการจำหน่ายหรือเพื่อการใช้ หรือสิทธิในการใช้ลิขสิทธิในงานวรรณกรรม ศิลปะ หรือ วิทยาศาสตร์ รวมทั้งฟิล์มภาพยนตร์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า แบบหรือหุ่นจำลอง แผนผัง สูตร หรือ กรรมวิธีลับใด ๆ หรือเพื่อข้อสนเทศเกี่ยวกับประสบการณ์ทางอุตสาหรรมทางพาณิชย์ หรือวิทยาศาสตร์

 

5.             บทของวรรค 1 และ วรรค 2 มิให้ใช้บังคับ ในกรณีที่ผูรับค่าสิทธิ ซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง มีอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอักรัฐหนึ่งค่าค่าสิทธินั้นเกิดขึ้น ซึ่งสถานประกอบการถาวรอันเกี่ยวข้องในประการสำคัญ กับสิทธิหรือทรัพย์ที่ก่อให้เกิดสิทธินั้น ทั้งนี้โดยมีเงื่อนไขว่าตามกฎหมายของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้น ค่าสิทธิถูกเก็บภาษีในฐานะเป็นส่วน หนึ่งของกำไรของสถานประกอบการถาวรนั้น ในกรณีเช่นว่านี้ให้ใช้บังคับบทของข้อ 7

 

6.             ค่าสิทธิให้ถือว่าเกิดขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง เมื่อผู้จ่ายเป็นรัฐนั้น เจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่นหรือผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐนั้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บุคคลผู้จ่ายค่าสิทธิ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งหรือไม่ มีอยู่ซึ่งสถานประกอบการถาวรในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ซึ่งสิทธิหรือ ทรัพย์สิน ที่ก่อให้เกิดค่าสิทธิ และค่าสิทธิเช่นว่านี้ ตกเป็นภาระของสถานประกอบการถาวรนั้น ให้ถือว่าค่าสิทธินั้นเกิดขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญาที่สถานประกอบการถาวรนั้นตั้งอยู่

 

7.             ในกรณีใดที่โดยเหตุผลแห่งความสัมพันธ์เป็นพิเศษระหว่างผู้จ่ายและผู้รับ หรือระหว่างบุคคลทั้งสองนั้นกับบุคคลอื่น ดอกเบี้ยที่จ่ายให้กันนั้นเมื่อคำนึงถึงสิทธิ เรียกร้องหนี้ อันเป็นมูลแห่งการจ่ายดอกเบี้ยแล้ว มีจำนวนเกินกว่าจำนวนเงินซึงควรจำได้ตกลงกันระหว่างผู้จ่ายกับผู้รับ หากไม่มีความสัมพันธ์เช่นนั้น บทของข้อนี้ให้ใช้บังคับเฉพาะแก่เงินจำนวนหลัง ในกรณีเช่นนั้น ส่วนเกินของเงินที่ชำระนั้น ให้คงเก็บภาษีได้ตามกฎหมายของรัฐผู้ทำสัญญาแต่ละรัฐ ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงสิทธิเรียกร้องหนี้ อันเป็นมูลแห่งการจ่ายดอกเบี้ยแล้ว มีจำนวนเกินกว่าจำนวนเงินซึ่งควรจะได้ตกลงกันระหว่างผู้จ่ายกับผู้รับ มีจำนวนเกินกว่าจำนวนเงินซึ่งควรจะได้ตกลงกันระหว่างผู้จ่ายกับผู้รับ หากไม่มีความสัมพันธ์เช่นนั้นบทของข้อนี้ให้ใช้บังคับเฉพาะ แก่เงินจำนวนหลัง ในกรณีเช่นนั้น ส่วนเกินของเงินที่ชำระนั้นให้คงเก็บภาษีได้ตามกฎหมายของรัฐ ผู้ทำสัญญาแต่ละรัฐ ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงบทอื่นๆ แห่งอนุสัญญานี้ด้วย

 

 

ข้อ 13

ผลได้จากทุน

 

1.             ผลได้จากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ ตามที่นิยามไว้ในวรรค 2 ของข้อ 6 และจากการขายหรือการแลกเปลี่ยนหุ้น ปรือผลประโยชน์ทำนองเดียวกัน ในสหกรณ์อสังหาริมทรัพย์ หรือในบริษัทซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น อาจจะตั้งบังคับภาษี ในรัฐผู้ทำสัญญาที่ทรัพย์สินนั้นตั้งอยู่

 

2.             ผลได้จากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ อันเป็นส่วนของทรัพย์สินธุรกิจ ของสถานประกอบการถาวร ซึ่งวิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งมีอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง หรือของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นของสถานประกอบธุรกิจประจำมีไว้ให้ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง เพื่อความมุ่งประสงค์ที่จะให้บริการวิชาชีพ รวมทั้งผลได้จากการจำหน่ายสถานประกอบการถาวรเช่นว่านั้น (โดยสำพังหรือรวมกับวิสาหกิจทั้งหมด) หรือสถานประกอบธุรกิจประจำนั้น อาจเก็บภาษีได้ในอีกรัฐหนึ่ง อย่าง ไรก็ดี ผลได้จากการจำหน่ายเรือและอากาศยานที่ใช้เดินในการจราจรระหว่างประเทศ และ สังหาริมทรัพย์ บรรดาที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเดินเรือและอากาศยานเช่นว่านั้น ให้เก็บภาษี ได้เฉพาะในรัฐผ้ำสัญญาซึ่งสถานจัดการใหญ่ตั้งอยู่

 

3.             ในบังคับบทของข้อ 12 ผลได้จากการจำหน่ายทรัพย์สิทนใดๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในวรรค 1 และ 2 ให้เก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐผู้ทำสัญญาซึ่ง ผู้จำหน่ายเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่

 

 

ข้อ 14

บริการส่วนบุคคลที่เป็นอิสระ

 

1.             เงินได้ซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งได้รับในส่วนที่เกี่ยว กับบริการวิชาชีพหรือกิจกรรมที่เป็นอิสระอื่นๆ ที่มีลักษณะเดียวกันให้เก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐนั้นเว้นไว้แต่ว่า กิจกรรมดังกล่าวได้กระทำขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง เงินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับบริการอาชีพ หรือกิจกรรมอิสระซึ่งได้ประกอบขึ้นภายในอีกรัฐหนึ่งให้เก็บภาษีได้ในอีกรัฐหนึ่งนั้น

 

2.             แม้ว่าจะมีบทของวรรค 1 อยู่ เงินได้ซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐ ผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งได้รับในส่วนที่เกี่ยวกับบริการอาชีพหรือกิจกรรมอิสระอื่นๆ ซึ่งประกอบขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐ หนึ่งมิให้เก็บภาษีในอีกรัฐหนึ่ง ถ้า

 

                 ก)            ผู้รับอยู่ในอีกรัฐหนึ่งนั้นชั่วระยะเวลาหรือหลายระยะ ซึ่งรวมกันแล้วไม่เกินกว่า 183 วัน ในปีรัษฎากรที่เกี่ยวข้อง และ

 

                 ข)            ผู้รับมิได้มีสถานประกอบการประจำในอีกรัฐหนึ่ง สำหรับระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะซึ่งรวมกันแล้วไม่เกินกว่า 183 วัน ในปีนั้นๆ และ

 

                 ค)            เงินได้มิได้ตกเป็นภาระแก่วิสาหกิจหรือสถานประกอบการถาวร ในอีกรัฐหนึ่งนั้น

 

3.             คำว่า "บริการวิชาชีพ" รวมถึงกิจกรรมอิสระโดยเฉพาะ ทางวิทยาศาสตร์ วรรณกรรม ศิลปการศึกษา และการสอนรวมทั้งกิจกรรมอิสระของ แพทย์ ทนายความ วิศวกร สถาปัตย์ ทันตแพทย์ และนักบัญชี

 

 

ข้อ 15

บริการส่วนบุคคลที่ไม่เป็นอิสระ

 

1.             ในบังคับบทของข้อ 16,18 และ 19 เงินเดือน ค่าจ้าง และค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งได้รับ ในส่วนที่เกี่ยวกับการทำงาน ให้เก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐนั้น เว้นไว้แต่ว่า การทำงานนั้นจะกระทำ ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง หากมีการทำงานเช่นว่านั้น ค่าตอบแทนที่ได้รับอาจเก็บภาษีได้ในอีกรัฐหนึ่ง

 

2.             แม้ว่าจะมีบทของวรรค 1 อยู่ ค่าตอบแทนซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ ทำสัญญารัฐหนึ่งได้รับในส่วนที่เกี่ยวกับการทำงานในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง ให้เก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐแรก ถ้า

 

                 ก)            ผู้รับอยู่ในอีกรัฐหนึ่งชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะ ซึ่งรวมกันแล้วไม่เกินกว่า 183 วันในปีรัษฎากรที่เกี่ยวข้อง และ

 

                 ข)            ค่าตอบแทนนั้นจ่ายโดย หรือในนามของนายจ้างซึ่งมิได้เป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในอีรัฐหนึ่ง และ

 

                 ค)            ค่าตอบแทนนั้น มิได้ตกเป็นภาระแก่สถานประกอบการถาวร หรือ สถานประกอบการประจำซึ่งนายจ้างมีอยู่ในอีกรัฐหนึ่ง

 

3.             แม้จะมีบทก่อนของข้อนี้อยู่ ค่าตอบแทนในส่วนที่เกี่ยวกับการทำงานในเรือ หรืออากาศยาน ในการจราจรระหว่างประเทศ อาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาซึ่งสถานจัดการใหญ่ของวิสาหกิจตั้งอยู่

 

ปรับปรุงล่าสุด: 08-12-2011