เมนูปิด

คำพิพากษาฎีกาที่ 9302/2547 
บริษัท ยูนิเวอร์แซลลิ้งค์ จำกัดโจทก์
กรมสรรพากร กับพวกจำเลย
เรื่อง การประเมินภาษีในกิจการขนส่ง
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร 19 มาตรา 20 มาตรา 27 และมาตรา 71(1)

เจ้าพนักงานประเมินวิเคราะห์แบบแสดงรายการภาษีเงินได้ (ภ.ง.ด.50) ของโจทก์ แล้วเห็นว่าไม่ถูกต้อง จึงได้ออกหมายเรียกให้กรรมการของโจทก์ส่งบัญชีพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง แต่ปรากฏว่าโจทก์ส่งสมุดบัญชีแยกประเภทเพียง 1 เล่ม และผู้รับมอบอำนาจของโจทก์แจ้งต่อ เจ้าพนักงานฯ ว่าจะทำหนังสือขอให้เจ้าพนักงานฯ ไปตรวจสอบเอกสารอื่น ๆ ณ สำนักงานของโจทก์ ในภายหลัง แสดงว่าโจทก์ทราบดีว่ายังมีเอกสารที่จะต้องให้เจ้าพนักงานประเมินฯ ตรวจสอบอีก แต่โจทก์ ไม่ส่งไปให้ตรวจสอบและมิได้แจ้งให้เจ้าพนักงานฯ ไปตรวจสอบ ณ สำนักงานของโจทก์แต่อย่างใด การที่โจทก์ไม่นำส่งบัญชีเอกสารหรือหลักฐานอื่นมาให้เจ้าพนักงานประเมินทำการไต่สวนตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากร เจ้าพนักงานประเมินฯ จึงมีอำนาจประเมินภาษีของโจทก์ ในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ได้ ตาม 71(1) แห่งประมวลรัษฎากร

โจทก์อุทธรณ์ว่า การประกอบกิจการของโจทก์เจ้าพนักงานประเมินฯ สามารถ หาหลักฐานเพื่อนำมาใช้ในการคำนวณกำไรสุทธิได้โดยง่าย เจ้าพนักงานประเมินฯ ต้องประเมินภาษีตามมาตรา 20 แห่งประมวลรัษฎากร คือหากตรวจพบว่าการคำนวณภาษีไม่ถูกต้องเจ้าพนักงานประเมินฯ ต้องแก้จำนวนเงินที่ประเมินหรือที่ยื่นรายการไว้เดิมโดยอาศัยพยานหลักฐานที่ปรากฏตาม คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.78/2541 เรื่อง ขอบเขตการใช้อำนาจตามมาตรา 71(1) แห่งประมวลรัษฎากร นั้น เห็นว่า โจทก์ประกอบกิจการขนส่ง ไม่ใช่เป็นผู้ประกอบกิจการขายส่งสินค้าประเภทซึ่งเจ้าพนักงานประเมินสามารถหาหลักฐานเพื่อนำมาใช้ในการคำนวณกำไรสุทธิได้โดยง่าย เช่นเดียวกับกิจการขายส่งสุรา เบียร์ ยาสูบ น้ำมันเชื้อเพลิงปูนซิเมนต์ เป็นต้น ตามคำสั่งกรมสรรพากรดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนี้ จึงไม่อาจนำคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.78/2541ฯ มาใช้ในกรณีของโจทก์ได้ ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่านำบัญชีเอกสารไปให้เจ้าพนักงานประเมินฯ ตรวจสอบแล้วแต่ไม่พบเจ้าพนักงานฯ ผู้รับเรื่องจึงไม่อาจส่งให้แก่ผู้ใดได้ นั้น เห็นว่า กรมสรรพากรเป็นหน่วยงานของรัฐประเภทกรม มีเจ้าพนักงานประจำและมีสถานที่เป็นหลักแหล่ง การที่โจทก์อ้างว่าไม่อาจนำส่งได้เพราะไม่พบเจ้าหน้าที่จึงไม่น่าเชื่อประกอบกับโจทก์มิได้ทำหนังสือแจ้งให้เจ้าพนักงานประเมินฯ ไปตรวจสอบบัญชีและเอกสาร ณ สถานประกอบการ จึงไม่อาจรับฟังได้ว่า โจทก์นำบัญชีเอกสารไปมอบให้เจ้าพนักงานประเมินฯ ตรวจสอบ การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ส่วนเงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากรนั้น กฎหมายบัญญัติไว้เพื่อเป็นการบังคับให้ผู้ต้องเสียภาษีชำระภาษีภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย มิฉะนั้นต้องเสียเงินเพิ่มซึ่งจะมีจำนวนมากขึ้นตามระยะเวลาที่ชำระภาษีล่าช้า ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายให้ลดเงินเพิ่มได้ การลดเงินเพิ่มต้องเป็นไปตามกฎหมาย แต่กรณีของโจทก์ไม่มีกฎหมายกำหนดให้ลดได้ จึงไม่อาจงดหรือลดเงินเพิ่มแก่โจทก์ได้

 

ปรับปรุงล่าสุด: 12-02-2021