คำพิพากษาฎีกาที่ 15072/2551 | |
นายเกียว แซ่เฮง | โจทก์ |
กรมสรรพากร | จำเลย |
เรื่อง การออกหมายเรียก และการประเมิน | |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 19 มาตรา 23 มาตรา 24 มาตรา 88/3 มาตรา 88/4 มาตรา 88/5 และมาตรา 91/21 (5) | |
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/31 | |
ตามหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างระบุว่า เป็นการจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยโจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้จะขายไว้ เมื่อพิจารณาเอกสารดังกล่าวมีข้อความระบุว่าผู้จะขายเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตกลงจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง รวมราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นเงินจำนวนหนึ่ง มีการวางมัดจำบางส่วนและตกลงผ่อนชำระส่วนที่เหลือส่วนเงินค่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่เหลืออีกจำนวนหนึ่ง ผู้ซื้อจะชำระในวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ประกอบกับสภาพอาคารที่ปลูกสร้างบนที่ดินของโจทก์รวม 5 หลัง เป็นตึกแถวสร้างติดกัน ใช้ผนังของอาคารหรือกำแพงร่วมกัน โดยโจทก์เป็นผู้แจ้งการปลูกบ้านใหม่และขอกำหนดหมายเลขประจำบ้านทั้ง 5 หลัง ได้เลขหมายประจำบ้านเรียงกัน จึงไม่น่าเชื่อว่าผู้ซื้อแต่ละรายต่างว่าจ้างให้นาย อ.ปลูกสร้างอาคารคนละคราวกัน จึงฟังได้ว่า โจทก์มีเงินได้พึงประเมินจากการขายอาคารสิ่งปลูกสร้างพร้อมกับที่ดินด้วย มีพื้นที่อาคารรวมประมาณ 150 ตารางเมตร ต้นทุนค่าก่อสร้างตารางเมตรละ 3,500 บาท ราคาต่อ 1 คูหา เป็นเงิน 525,000 บาท ดังนั้น การที่ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาพื้นที่รวมของอาคารตามใบรับแจ้งค่าก่อสร้างมีพื้นที่หลังละ 182 ตารางเมตร หากคิดราคาตารางเมตรละ 3,000 บาท ตามที่โจทก์อ้างก็เป็นราคาถึง 546,000 บาท ที่เจ้าพนักงานคำนวณเพียง 150 ตาราเมตร ในอัตราดังกล่าว จึงเป็นประโยชน์ต่อโจทก์และชอบแล้ว กรณีคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้นจากการประเมินชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น โดยที่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2539 ครึ่งปีกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2539 เต็มปี เป็นปีภาษีเดียวกัน เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีมติให้ปลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปีจำนวน 27,634.43 บาท มีผลทำให้เงินจำนวน 27,634.43 บาท เป็นจำนวนภาษีที่โจทก์ยังไม่ได้ชำระให้ถูกต้องครบถ้วนและเป็นจำนวนเงินของภาษีปี 2539 เต็มปี ซึ่งโจทก์มิได้ยื่นแบบแสดงรายการไว้ จำเลยจึงมีอำนาจออกหมายเรียกและทำการประเมินตามมาตรา 23 และมาตรา 24แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาในการออกหมายเรียก และเมื่อสิทธิเรียกร้องของรัฐที่จะเรียกเอาภาษีอากรมีกำหนดอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 193/31 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์การประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเต็มปีสำหรับปีภาษี 2539 ย่อมรวมถึงจำนวนเงินได้พึงประเมินเต็มปีภาษีที่โจทก์ยังมิได้นำมารวมคำนวณและชำระภาษีสำหรับปีภาษี 2539 การที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คิดภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายโดยมิได้เอาเงินได้อื่นมารวมคำนวณเพื่อเรียกเก็บภาษี และมิใช่เป็นการประเมินเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมในประเด็นข้ออื่นจึงชอบแล้ว กรณีเหตุที่จะลดหรืองดเบี้ยปรับในกรณีภาษีธุรกิจเฉพาะนั้น การที่โจทก์ต้องชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีธุรกิจเฉพาะ ตลอดจนต้องชำระเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามการประเมินเป็นเพราะโจทก์ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินในปีภาษี 2539 เต็มปี และรายรับจากการขายอาคารบนที่ดินของโจทก์นั้น โจทก์ให้บุตรชายและบุตรสาวของโจทก์เป็นผู้ขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ต่อมาได้มีการโอนใบรับแจ้งก่อสร้างอาคารให้แก่ผู้ซื้อแต่ละรายก่อนที่จะมีการทำสัญญาซื้อขายที่ดินกัน เป็นการวางแผนหลีกเลี่ยงภาษีอากรจากเงินได้พึงประเมินและรายรับจากการขายอาคารหลายหลังที่สร้างบนที่ดินดังกล่าว และในชั้นตรวจสอบภาษีอากรโจทก์ไม่ได้ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบภาษีเท่าที่ควร กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะลดหรืองดเบี้ยปรับให้แก่โจทก์แต่อย่างใด |