เมนูปิด
Untitled Document

พระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 582)
พ.ศ. 2558  
-----------------------

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 20 มีนาคมพ.ศ. 2558
เป็นปีที่ 70 ในรัชกาลปัจจุบัน

                           พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

                           โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ยืมและผู้ให้ยืมหลักทรัพย์ บางกรณี

                           อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 และมาตรา 3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

                           มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 582) พ.ศ. 2558”

                           มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

                           มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า “ผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม” ในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 331) พ.ศ. 2541 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 500) พ.ศ. 2553 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

                           “ “ผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม” หมายความว่า ผู้ยืมหรือผู้ให้ยืมหลักทรัพย์ซึ่งเป็นบุคคลดังต่อไปนี้

                           (1) ผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

                           (2) ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

                           (3) สำนักหักบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

                           (4) ธนาคารแห่งประเทศไทย

                           (5) ผู้ซึ่งมอบหมายให้บุคคลตาม (1) (2) หรือ (3) เป็นตัวแทนหรือนายหน้าในการทำสัญญายืม หรือให้ยืมหลักทรัพย์

                           (6) ผู้ซึ่งทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์กับบุคคลตาม (1) (2) (3) หรือ (4)”


ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
      พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
        นายกรัฐมนตรี

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้มีมติอนุมัติให้สำนักหักบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์รับโอนงานธุรกรรมการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์จากศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เฉพาะการทำหน้าที่ยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ และให้ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ยังคงทำหน้าที่ให้บริการการทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ให้แก่สมาชิกทั้งในฐานะตัวการและในฐานะตัวแทนหรือนายหน้าต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้ระบบการส่งมอบหลักทรัพย์ดำเนินต่อไปได้และเป็นการเพิ่มปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ สมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่สำนักหักบัญชีผู้ซึ่งมอบหมายให้สำนักหักบัญชีเป็นตัวแทนหรือนายหน้าในการทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ และผู้ซึ่งทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์กับสำนักหักบัญชี สำหรับเงินได้จากการทำธุรกรรมอันเนื่องมาจากการยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์โดยกำหนดให้สำนักหักบัญชี ผู้ซึ่งมอบหมายให้สำนักหักบัญชีเป็นตัวแทนหรือนายหน้าในการทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ และผู้ซึ่งทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์กับสำนักหักบัญชีอยู่ในความหมายของบทนิยามคำว่า “ผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม” ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 331) พ.ศ. 2541 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 500) พ.ศ. 2553 อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดทุนของประเทศในระยะยาว จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

                           (ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 132 ตอนที่ 21 ก วันที่ 26 มีนาคม 2558)

 

ปรับปรุงล่าสุด: 10-02-2022