เมนูปิด

คำพิพากษาฎีกาที่3795/2552 
นายสุพล นาคบุญศรีสุขโจทก์
กรมสรรพากร กับพวกจำเลย
เรื่องคดีต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
กฎหมายที่เกี่ยวข้องพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร มาตรา 25
ข้อกำหนดคดีภาษีอากร พ.ศ.2544 ข้อ 16

คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 50,000.-บาท ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528ที่โจทก์อุทธรณ์ ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ศาลภาษีอากรกลางไม่อนุญาตให้โจทก์สืบพยานเอกสารที่ได้แนบท้ายฟ้องไว้แล้ว ประกอบการสืบพยานและการถามค้านพยานเนื่องจากโจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่จำเลยทั้งห้า(โจทก์ไม่ได้ยื่นต้นฉบับพยานเอกสารพร้อมกับการยื่นบัญชีระบุพยาน)ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อ 16 วรรคหนึ่งของข้อกำหนดคดีภาษีอากร พ.ศ.2544 ศาลภาษีอากรควรอนุญาตให้โจทก์นำพยานเอกสารหลักฐานนั้นมาสืบได้ กรณีที่ศาลเห็นว่า พยานหลักฐานดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นที่จะต้องนำพยานหลักฐานดังกล่าวมาสืบ ตามข้อ 16 วรรคสองก็ดี ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า อสังหาริมทรัพย์เป็นของนาย ส. โจทก์ไม่ใช่ผู้มีเงินได้ซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้และไม่ใช่ผู้มีรายรับซึ่งต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะก็ดี ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจอายัดเงินในบัญชีของโจทก์มาชำระหนี้ภาษีอากรค้าง เนื่องจากเงินในบัญชีโจทก์เป็นของบุคคลอื่นไม่ใช่ของโจทก์ก็ดี และที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้เพิกถอนคำสั่งของศาลภาษีอากรกลางอ้างว่า เป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบโดยให้เหตุผลว่า โจทก์ได้ยื่นฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินซึ่งเป็นมูลพิพาทคดีนี้ต่อศาลแพ่งแล้ว หากศาลแพ่งมีคำพิพากษาเพิกถอนแล้วจะมีผลถึงคดีนี้ แต่ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้วเห็นว่าคำฟ้องคดีดังกล่าวและคดีนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวพันกัน และมีคำสั่งไม่ให้งดหรือเลื่อนการอ่านคำพิพากษาในคดีนี้ออกไปก็ดี ล้วนเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจของศาลภาษีอากรกลางในการรับฟังพยานหลักฐานจึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย

 

ปรับปรุงล่าสุด: 13-02-2021