เมนูปิด

คำพิพากษาฎีกาที่7013-7014/2555 
นางนงนุช สมศักดิ์ ที่ 1 นายมนัส อู่ทองทรัพย์ ที่ 2โจทก์
กรมสรรพากร ที่ 1 สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 5 ที่ 2 สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 10 ที่ 3จำเลย
เรื่อง บำเหน็จดำรงชีพ
กฎหมายที่เกี่ยวข้องพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 21) พ.ศ.2546 มาตรา 47/1
พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2546 มาตรา 57/1
กฎกระทรวง ฉบับที่ 258 (พ.ศ.2549) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย การยกเว้นรัษฎากร
กฎกระทรวง ฉบับที่ 245 (พ.ศ.2547) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
กฎกระทรวง ฉบับที่ 161 (พ.ศ.2526) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ได้รับเงินคืนภาษีอากร

การพิจารณาอัตราและวิธีการคำนวณบำเหน็จดำรงชีพตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการและกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการต้องพิจารณาจากกฎกระทรวงกำหนดอัตราและวิธีการรับบำเหน็จดำรงชีพ พ.ศ.2546 ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 47/1 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 21) พ.ศ.2546 โดยความในข้อ 1 ของกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวกำหนดว่า “บำเหน็จดำรงชีพให้จ่ายในอัตราไม่เกินสิบห้าเท่าของบำนาญรายเดือนที่ได้รับแต่ไม่เกินสองแสนบาท” เห็นได้ว่ากฎกระทรวงดังกล่าวได้กำหนดอัตราการจ่ายบำเหน็จดำรงชีพไว้แจ้งชัดว่าให้จ่ายตามอัตราที่กำหนดไว้แต่ไม่เกิน สองแสนบาท จำนวนเงินที่กำหนดไว้ว่าไม่ให้เกินสองแสนบาทจึงเป็นส่วนหนึ่งของอัตราการจ่ายบำเหน็จดำรงชีพตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการและกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ โดยเฉพาะกฎกระทรวง ฉบับที่ 258 (พ.ศ.2549) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2549 ขณะที่กฎกระทรวงกำหนดอัตราและวิธีการรับบำเหน็จดำรงชีพ พ.ศ.2546 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2546 หากฝ่ายบริหารประสงค์จะให้ผู้รับบำเหน็จดำรงชีพซึ่งเป็นพนักงานธนาคาร อ. ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำบำเหน็จดำรงชีพมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ทั้งจำนวน ในการออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 258 (พ.ศ.2549) ซึ่งประกาศใช้ในภายหลังก็สามารถระบุให้ชัดแจ้งได้ การที่กฎกระทรวง ฉบับที่ 258 (พ.ศ.2549) เพิ่มความในข้อ 2 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ.2509) เป็น (73) โดยกำหนดให้บำเหน็จดำรงชีพซึ่งพนักงานธนาคารออมสินได้รับและมีสิทธิได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ต้องมีอัตราและวิธีการคำนวณเช่นเดียวกับบำเหน็จดำรงชีพตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการและกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ย่อมแสดงว่ากฎกระทรวงดังกล่าวมีเจตนารมณ์ให้ผู้รับบำเหน็จดำรงชีพที่เป็นพนักงานธนาคารออมสินได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เท่ากับสิทธิที่บุคคลซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญได้รับตามกฎกระทรวงกำหนดอัตราและวิธีการรับบำเหน็จดำรงชีพ พ.ศ.2546 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 245 (พ.ศ.2547) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร นั่นเอง ดังนั้น แม้ตามข้อ 18 วรรคหนึ่ง ของระเบียบธนาคารออมสิน ฉบับที่ 403 ว่าด้วยเงินทุนเลี้ยงชีพพนักงานธนาคารออมสินจะกำหนดให้พนักงานที่ออกจากงานและได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพประเภทสามมีสิทธิรับบำเหน็จดำรงชีพเป็นจำนวนไม่เกินสิบห้าเท่าของเงินทุนเลี้ยงชีพประเภทสามที่ได้รับอยู่ โดยมิได้กำหนดอัตราสูงสุดว่าไม่เกินสองแสนบาท เป็นผลให้โจทก์ทั้งสองแต่ละคนได้รับบำเหน็จดำรงชีพเป็นจำนวนเกินกว่าสองแสนบาทก็ตามบำเหน็จดำรงชีพที่โจทก์ทั้งสองได้รับก็มีสิทธิได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้เป็นจำนวนเพียงสองแสนบาทตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดอัตราและวิธีรับบำเหน็จดำรงชีพ พ.ศ.2546 เท่านั้น หาใช่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ทั้งจำนวนไม่
ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2547 ของโจทก์ที่ 2 จะต้องนำเงินบำนาญและบำเหน็จดำรงชีพส่วนที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีอากรทั้งสองจำนวนมายื่นแบบแสดงรายการภาษี เมื่อหักเงินได้ ที่ได้รับยกเว้น และลดหย่อนแล้วจึงนำยอดเงินที่ได้ไปคำนวณตามอัตราภาษีเงินได้ หลังจากนั้นจึงจะทราบว่าโจทก์ที่ 2 ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้เกินหรือขาดเป็นจำนวนเท่าใด แต่ตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2547 ของโจทก์ที่ 2 มิได้นำบำเหน็จดำรงชีพส่วนที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีอากรมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ด้วย จึงไม่แน่ชัดว่าโจทก์ที่ 2 ชำระภาษีเงินได้สำหรับบำนาญในปีภาษี 2547 ไว้เกินดังที่โจทก์ที่ 2 อ้างหรือโจทก์ที่ 2 ชำระขาดไปอันต้องชำระเพิ่มดังที่จำเลยให้การต่อสู้ ทั้งศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่มีหน้าที่คิดคำนวณภาษีอากรในกรณีนำเงินบำเหน็จดำรงชีพมารวมคำนวณภาษีของโจทก์ที่ 2 ในปี 2547 ให้ เพราะเป็นเรื่องนอกคำฟ้อง โจทก์ที่ 2 จึงเรียกภาษีส่วนนี้คืนจากจำเลยที่ 1 ไม่ได้ แต่โจทก์ที่ 2 อุทธรณ์ว่า โจทก์ที่ 2 มีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีของเงินบำเหน็จดำรงชีพทั้งจำนวน จำเลยที่ 1 จึงต้องคืนเงินภาษีบำเหน็จดำรงชีพจำนวน 152,326.80 บาท และภาษีบำนาญ จำนวน 10,823.79 บาท ที่ชำระไว้เกิน รวมทั้งสิ้น 163,150.59 บาท ให้แก่โจทก์ที่ 2 เมื่อศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 คืนค่าภาษีอากรแก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 20,000.-บาท จึงยังขาดอยู่อีกเป็นจำนวน 123,150.59 บาท เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์ที่ 2 มิได้บรรยายข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายอันเป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางในประเด็นดังกล่าวว่าไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร กล่าวคือ ไม่ได้โต้แย้งว่า แม้จะนำเงินบำนาญและบำเหน็จดำรงชีพส่วนที่ไม่ได้ยกเว้นภาษีอากรของโจทก์ที่ 2 มายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2547 แล้ว โจทก์ที่ 2 ก็ยังมีภาษีเงินได้ของเงินบำนาญที่ถูกหักไว้เกิน มิใช่ภาษีที่ชำระขาดเพราะเหตุผลใด การที่ ศาลภาษีอากรกลางไม่คิดคำนวณภาษีอากรในส่วนนี้โดยเห็นว่า เป็นเรื่องนอกคำฟ้อง เป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนอย่างไร ด้วยเหตุผลอะไร และที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร อุทธรณ์ของโจทก์ที่ 2 ในส่วนนี้ จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย มาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 ประกอบมาตรา 225 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่รับวินิจฉัย
การสั่งให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ได้รับคืนเงินภาษีอากรนั้น มาตรา 4 ทศ แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ซึ่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 161 (พ.ศ.2526) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ได้รับเงินคืนภาษีอากร ข้อ 1 วรรคสาม กำหนดให้คิดดอกเบี้ยจนถึงวันที่ลงในหนังสือแจ้งคำสั่งคืนเงินเท่านั้น การที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระดอกเบี้ยนับแต่วันครบกำหนดระยะเวลา 3 เดือน นับแต่วันที่ 31 มีนาคม 2548 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จึงไม่ถูกต้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า ในส่วนของดอกเบี้ยที่จำเลยที่ 1 ต้องชำระให้แก่โจทก์ทั้งสองนั้น ให้จำเลยที่ 1 รับผิดชำระจนกว่าจำเลยที่ 1 จะออกหนังสือแจ้งคำสั่งคืนเงินภาษี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษา ศาลภาษีอากรกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ทั้งสองสำนวนให้เป็นพับ

 

ปรับปรุงล่าสุด: 14-02-2021