สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทย จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในกรณีที่มีรายได้ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กรมสรรพากรกำหนด โดยมีรายละเอียดดังนี้ |
1. ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จัดเก็บจากสำนักงานฯ จากที่ต้องเสียภาษีจากกำไรสุทธิในอัตราร้อยละ 30 ให้คงเหลือร้อยละ 10 สำหรับรายได้จากการให้บริการของสำนักงานฯแก่วิสาหกิจในเครือหรือสาขาในต่างประเทศของสำนักงานฯ |
2. ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จัดเก็บจากสำนักงานฯ จากที่ต้องเสียภาษีจากกำไรสุทธิในอัตราร้อยละ 30 ให้คงเหลือร้อยละ 10 สำหรับรายได้ค่าสิทธิจากการวิจัยและพัฒนาที่สำนักงานฯ ได้รับจากวิสาหกิจในเครือหรือสาขาในต่างประเทศของสำนักงานฯ อันเนื่องมาจากผลการวิจัยและพัฒนาที่สำนักงานฯกระทำขึ้นในประเทศไทย ทั้งนี้โดยให้รวมถึงรายได้ค่าสิทธิที่สำนักงานฯได้รับจากผู้ผลิตหรือ ผู้ให้บริการอื่นที่ได้นำผลการวิจัยและพัฒนาของสำนักงานฯ ไปให้บริการแก่วิสาหกิจในเครือหรือสาขาในต่างประเทศของสำนักงานฯ ด้วย |
3. ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จัดเก็บจากสำนักงานฯ จากที่ต้องเสียจากกำไรสุทธิในอัตราร้อยละ 30 ให้คงเหลือร้อยละ 10 สำหรับดอกเบี้ยที่สำนักงานฯ ได้รับจากวิสาหกิจในเครือและหรือสาขาในต่างประเทศของสำนักงานฯ ทั้งนี้เฉพาะส่วนที่สำนักงานฯได้กู้มาเพื่อนำมาให้วิสาหกิจในเครือหรือสาขาในต่างประเทศของสำนักงานฯกู้ต่อ |
4. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับเงินปันผลที่สำนักงานฯ ได้รับจากวิสาหกิจในเครือทั้งในประเทศและต่างประเทศ |
5. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย ซึ่งได้รับเงินปันผลจากสำนักงานฯ เฉพาะที่จ่ายจากกำไรของกิจการของสำนักงานฯที่ได้รับลดอัตราภาษีนิติบุคคล |
6. กำหนดให้สำนักงานฯมีสิทธิหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาสำหรับทรัพย์สินประเภทอาคารถาวร ที่สำนักงานฯ ซื้อหรือได้รับโอนกรรมสิทธิ์มา เพื่อใช้ในการประกอบกิจการของสำนักงานฯในอัตราร้อยละ 25 ของมูลค่าต้นทุนในวันที่ได้อาคารนั้นมา และส่วนที่เหลือสามารถทยอยหักภายในระยะเวลา 20 ปี |