เมนูปิด

เลขที่หนังสือ :   กค 0702/972
วันที่ :   19 กุมภาพันธ์ 2568
เรื่อง :   ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีการโอนหุ้นให้บุตรชอบด้วยกฎหมาย
ข้อกฎหมาย :   มาตรา 39 และมาตรา 40 (4) (ช) มาตรา 40 (8) (9) มาตรา 42 (27) และมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ :   มีข้อเท็จจริงสรุปได้ ดังนี้
    1. นาย อ เป็นผู้ถือหุ้นสามัญในบริษัท ก จำกัด (บริษัทฯ) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งขึ้น ตามกฎหมายไทยและไม่ได้เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
    2. นาย อ มีความประสงค์จะโอนหุ้นให้บุตรชอบด้วยกฎหมายโดยไม่มีค่าตอบแทน โดยซื้อหุ้นของบริษัทฯ เมื่อปี 2522 ในราคาพาร์ (PAR) หุ้นละ 100 บาท และในปัจจุบัน (ปี 2567) หุ้นดังกล่าวมีมูลค่าทางบัญชี (Book Value) เท่ากับหุ้นละ 23,000 บาท
    3. นาย อ ขอหารือ ดังนี้
        (1) กรณีโอนหุ้นให้แก่บุตรชอบด้วยกฎหมายโดยไม่มีค่าตอบแทนดังกล่าวถือเป็นการให้โดยเสน่หา จึงไม่มีผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้นเฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุนถือว่าผู้โอนไม่มีเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (4) (ช) แห่งประมวลรัษฎากร จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการโอนหุ้นหรือไม่ อย่างไร
        (2) กรณีบุตรชอบด้วยกฎหมายได้รับโอนหุ้นจากนาย อ เข้าลักษณะเป็นการได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่อาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่ และมีภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากรหรือไม่ อย่างไร
        (3) กรณีบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ขายหุ้นที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หาตามข้อ 1. จะต้อง นำกำไรจากการขายหุ้นทั้งหมดไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยคำนวณราคาต้นทุน การได้มาที่ราคาใด
แนววินิจฉัย:   1. การโอนหุ้นที่จะเข้าลักษณะเป็น “เงินได้พึงประเมิน” ตามมาตรา 39 และมาตรา 40 (4) (ช) แห่งประมวลรัษฎากร ที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องเป็นการโอนหุ้นที่มีผลประโยชน์ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน กรณีนาย อ โอนหุ้นให้แก่บุตรชอบด้วยกฎหมายโดยไม่มีค่าตอบแทนดังกล่าวจึงไม่มีผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้น นาย อ จึงไม่มีเงินได้ พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ช) แห่งประมวลรัษฎากร ที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
    2. หุ้นที่บุตรชอบด้วยกฎหมายของนาย อ ได้รับ เข้าลักษณะเป็นทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่น ที่ได้รับซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงินถือเป็น “เงินได้พึงประเมิน” ตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร และเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนี้
        2.1 กรณีบุตรชอบด้วยกฎหมายของนาย อ ได้รับเงินได้พึงประเมินจากการโอนหุ้นดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นเงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะหรือจากการให้โดยเสน่หาจากบุพการี ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ส่วนที่ไม่เกิน 20 ล้านบาทตลอดปีภาษีนั้นตามมาตรา 42 (27) แห่งประมวลรัษฎากร
        2.2 กรณีบุตรชอบด้วยกฎหมายของนาย อ ได้รับเงินได้พึงประเมินจากการโอนหุ้นเกิน 20 ล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น เงินได้ส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท ต้องนำมาเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร โดยถือราคาหรือค่าอันพึงมีในวันที่ได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้นตามมาตรา 9 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
    3. กรณีบุตรชอบด้วยกฎหมายของนาย อ โอนขายหุ้นที่ได้รับมาดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นการขายสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร เพราะผู้ถือหุ้นย่อมหวังที่จะได้รับประโยชน์จากเงินปันผลหรือกำไรจากการโอนเป็นปกติอยู่แล้ว จึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42 (9)แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น จึงต้องนำผลประโยชน์ที่ได้จากการขายหุ้นดังกล่าวเฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุนมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยสามารถนำจำนวนเงินได้พึงประเมินเฉพาะส่วนที่ได้นำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการได้รับหุ้นจากนาย อ มาถือเป็นต้นทุนในการคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 39 และมาตรา 40 (4) (ช) แห่งประมวลรัษฎากร

 

ปรับปรุงล่าสุด: 07-03-2025