| เลขที่หนังสือ | : กค 0702/6077 |
| วันที่ | : 14 ตุลาคม 2568 |
| เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีโครงการส่งเสริมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของกรมสรรพสามิต |
| ข้อกฎหมาย | : มาตรา 79 มาตรา 79 (1) มาตรา 82/10 (1) แห่งประมวลรัษฎากร พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 773) พ.ศ. 2566 ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 82)ฯ ลงวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2542 |
| ข้อหารือ | : 1. ตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตามข้อ 11.3 ของประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับสิทธิตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ลงวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2565 ได้กำหนดเกี่ยวกับกรณีบริษัทจะได้รับเงินอุดหนุนจากกรมสรรพสามิตเป็นจำนวนเงิน 18,000 บาทต่อคัน ก็ต่อเมื่อบริษัทได้ขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและได้รับเอกสารการจดทะเบียนพร้อมทั้งเอกสารใบกำกับภาษีที่ซื้อรถจักรยานยนต์ดังกล่าวส่งให้แก่บริษัท โดยบริษัทต้องนำส่งเอกสารดังกล่าวเพื่อขอเบิกเงินสนับสนุนจากกรมสรรพสามิตต่อไป ทั้งนี้ การขายที่ได้รับเงินอุดหนุนจะต้องเกิดขึ้นภายในช่วงเวลาปี พ.ศ. 2565 - 2569 เท่านั้น 2. บริษัทเป็นโรงงานประกอบอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้รับการส่งเสริมจากกรมสรรพสามิต ซึ่งโดยปกติบริษัทจะขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่ตัวแทนจำหน่ายโดยเป็นการขายเสร็จเด็ดขาดและให้ตัวแทนจำหน่ายขายให้กับผู้อุปโภคอีกทีหนึ่ง เพื่อที่บริษัทจะได้รับเงินอุดหนุนดังกล่าว บริษัทจะต้องขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและออกใบกำกับภาษีในราคาหลังหักส่วนลด 18,000 บาท ทันที และบริษัทสามารถเรียกเก็บเงินประกัน 18,000 บาท จากตัวแทนจำหน่ายเพื่อเป็นหลักประกันได้เผื่อในกรณีที่หากสิ้นสุดโครงการสนับสนุนแล้วตัวแทนจำหน่ายยังไม่สามารถขายรถจักรยานยนต์ดังกล่าวได้ และบริษัทจะคืนเงินประกัน 18,000 บาท ให้กับตัวแทนจำหน่าย เมื่อตัวแทนจำหน่ายนำเอกสารการจดทะเบียนและใบกำกับภาษีของลูกค้ามายื่นให้แก่บริษัท แต่หากจนสิ้นสุดโครงการในปี พ.ศ. 2569 แล้ว ทางตัวแทนจำหน่ายยังไม่สามารถขายรถได้ บริษัทจะไม่คืนเงินประกัน เนื่องจากบริษัทจะไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากกรมสรรพสามิตในส่วนของส่วนลด 18,000 บาท ที่บริษัทได้ให้แก่ตัวแทนจำหน่ายไปแล้วก่อนหน้านี้ 3. บริษัทจึงขอหารือ ดังนี้ 3.1 บริษัทขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในราคาปกติจำนวน 40,000 บาท ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรการสนับสนุนของกรมสรรพสามิต เมื่อบริษัทส่งมอบสินค้าและออกใบส่งสินค้า/ใบกำกับภาษี จะต้องแสดงราคาเต็มจำนวน 40,000 บาท หรือแสดงราคาหักส่วนลดจำนวน 18,000 บาท แล้ว 3.2 กรณีบริษัทได้รับเอกสารเล่มทะเบียนและใบกำกับภาษีที่ตัวแทนจำหน่ายขายให้กับ ผู้อุปโภคแล้ว บริษัทจะต้องคืนเงินประกันจำนวน 18,000 บาท ให้กับตัวแทนจำหน่าย ถ้าหากมีภาษีมูลค่าเพิ่มบริษัทจะต้องออกเป็นเอกสารใบลดหนี้/ใบกำกับภาษี ถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้อง จะมีวิธีปฏิบัติอย่างไร 3.3 เงินอุดหนุนจำนวน 18,000 บาท ที่บริษัทได้รับการสนับสนุนจากกรมสรรพสามิตจะต้องนำมาเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วยหรือไม่ |
| แนววินิจฉัย | : 1. กรณีตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นกรณีที่บริษัทให้ส่วนลดโดยกำหนดเงื่อนไขในการให้ส่วนลดไว้ ไม่เข้าลักษณะเป็นส่วนลดที่ได้ลดให้ในขณะขายสินค้า บริษัทจึงต้องนำมูลค่าส่วนลดดังกล่าวมารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษีเพื่อคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 79 และมาตรา 79 (1) แห่งประมวลรัษฎากร 2. กรณีบริษัทจะต้องคืนเงินจำนวน 18,000 บาท ให้กับตัวแทนจำหน่ายเมื่อตัวแทนจำหน่ายสามารถขายจักรยานยนต์ไฟฟ้าและนำเอกสารการจดทะเบียนและใบกำกับภาษีของลูกค้ามายื่นให้แก่บริษัท ไม่เข้าลักษณะที่จะออกใบลดหนี้ตามมาตรา 82/10 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 82) เรื่อง กำหนดเหตุอื่นตามมาตรา 82/10 (1) (2) (3) และ (4) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2542 แต่บริษัทต้องออกใบลดหนี้ทางการค้าที่ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเป็นเอกสารทางบัญชีในการปรับปรุงรายการทางบัญชีเท่านั้น 3. กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด ได้รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เงินอุดหนุนที่ได้รับดังกล่าวได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ทั้งนี้ ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 773) พ.ศ. 2566 |