เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0811/พ.14516
วันที่: 21 ตุลาคม 2540
เรื่อง: ภาษีมูลค่าเพิ่ม การประเมินภาษีกรณีใช้ใบกำกับภาษีปลอม
ข้อกฎหมาย: ประเด็นปัญหา
ข้อหารือ: เจ้าพนักงานประเมินฯ ได้ทำการตรวจสอบพบว่าห้างฯ ได้นำใบกำกับภาษีปลอมมาใช้เครดิตภาษีซื้อ จึงทำการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมเบี้ยปรับ 3 เท่า ของเงินภาษีและเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ห้างฯ จึงขอให้พิจารณาทบทวนการประเมินภาษีของกรมสรรพากร โดย
    1. ขอให้งดเบี้ยปรับ 3 เท่า ของตัวภาษี คงให้ชำระเฉพาะตัวภาษี 7% และเงินเพิ่ม1.5%
    2. ขอผ่อนชำระค่าภาษีที่ถูกประเมิน โดยขอแบ่งผ่อนชำระเป็นงวดได้
    3. ให้ใช้ใบกำกับภาษีส่วนนี้เป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ เนื่องจากห้างฯ ได้ซื้อ
สินค้านั้นจริง
แนววินิจฉัย  :   1. กรณีการนำใบกำกับภาษีปลอมมาใช้คำนวณภาษีซื้อในแบบ ภ.พ.30 เป็นเหตุให้ภาษีที่ต้องเสียและภาษีซื้อในเดือนภาษีนั้นคลาดเคลื่อน ห้างฯ ต้องรับผิดชำระภาษีเพิ่มเติมและเสียเบี้ยปรับอีก 1 เท่า ของภาษีที่คลาดเคลื่อน หรือภาษีซื้อที่แสดงไว้เกินไป ตามมาตรา 89(3) และมาตรา 89(4) และเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ ตามมาตรา 89/1 ทั้งต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับอีก 2 เท่าของจำนวนภาษีตามใบกำกับภาษี ตามมาตรา 89(7) แห่งประมวลรัษฎากร
    สำหรับกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินได้ตรวจสอบและประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ถ้าห้างฯ ไม่เห็นด้วยกับการประเมินของเจ้าพนักงานฯ ห้างฯ ก็มีสิทธิ์ที่จะคัดค้านการประเมินนั้นได้ โดยการยื่นอุทธรณ์คัดค้านการประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน ตามมาตรา 30 แห่งประมวลรัษฎากร
    2. ห้างฯ มีสิทธิ์ขอผ่อนชำระภาษีอากรที่เกิดจากใบแจ้งภาษีอากรได้ ตามข้อ 5 และข้อ 6 แห่งระเบียบกรมสรรพากรว่าด้วยการผ่อนชำระภาษีอากร พ.ศ.2539
    3. ในการพิสูจน์รายจ่ายในทางภาษีเงินได้นิติบุคคล ถ้าห้างฯ พิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ
ตามใบกำกับภาษีนั้น จะมีผลให้ใบกำกับภาษีนั้นนำมาเป็นหลักฐานการจ่ายไม่ได้ ตามมาตรา 65 ตรี (18) แห่งประมวลรัษฎากร แต่หากใบกำกับภาษีนั้น ห้างฯพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้รับเงิน ใบกำกับภาษีนั้นถือเป็นหลักฐานการจ่ายได้
เลขตู้: 60/25976

 

 

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020