เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0706/พ./6175
วันที่: 2 กรกฎาคม 2546
เรื่อง: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีเงินช่วยเหลือที่ได้รับจากต่างประเทศ
ข้อกฎหมาย: มาตรา 79, ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ
ข้อหารือ: บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนประกอบกิจการทั้งประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและ
ประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ประกอบการจดทะเบียนได้นำสินค้าหรือบริการที่ได้มาหรือได้รับ
มาในการประกอบกิจการของตนไปใช้หรือจะใช้ในกิจการทั้งสองประเภทนั้น หากไม่อาจแยกได้อย่าง
ชัดเจนว่าภาษีซื้อจากการขายสินค้าหรือบริการเป็นภาษีซื้อของกิจการประเภทใด ให้เฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วน
ของรายได้ของแต่ละกิจการ ทั้งนี้ ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ
ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 บริษัทฯ จึงเข้าใจว่าไม่ควรนำเงินจำนวน 460,000 ดอยซ์มาร์ค ที่
ได้รับจาก บริษัท ล. เพื่อช่วยเหลือบริษัทฯ กรณีได้ประสบปัญหาขาดทุนจากการประกอบกิจการ โดย
บริษัทฯ ไม่มีภาระหน้าที่ในการให้บริการหรือกระทำการใดๆ ตอบแทนมารวมเป็นรายได้ของกิจการ
ประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อใช้เป็นฐานในการเฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของรายได้ของแต่ละ
กิจการ บริษัทฯ จึงหารือว่าความเห็นดังกล่าวถูกต้องหรือไม่
แนววินิจฉัย: กรณีบริษัทฯ ได้รับเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศที่มีลักษณะเป็นการให้เปล่าไม่มีข้อผูกมัดที่จะ
ต้องตอบแทนหรือให้บริการคืนหรือต้องกระทำการใดๆ ตอบแทนสำหรับเงินที่ได้รับนั้น เงินช่วยเหลือ
ดังกล่าวจึงมิใช่มูลค่าของฐานภาษีที่ผู้ประกอบการได้รับจากการขายสินค้าหรือให้บริการตามมาตรา 79
แห่งประมวลรัษฎากร ไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ จึงไม่ต้องนำเงินช่วยเหลือไป
รวมเป็นรายได้ในการเฉลี่ยภาษีซื้อ ตามข้อ 2 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับ
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 แต่บริษัทฯ จะต้องนำเงินช่วยเหลือ
ดังกล่าวไปถือเป็นรายได้ในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชี ตามมาตรา 65 แห่ง
ประมวลรัษฎากร
เลขตู้: 66/32541

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020