เมนูปิด

 

เลขที่หนังสือ: กค 0706/พ./12765
วันที่: 22 ธันวาคม 2546
เรื่อง: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีเงินชดเชยความเสียหาย
ข้อกฎหมาย: มาตรา 79
ข้อหารือ: บริษัทฯ ทำสัญญารับจ้างสร้างเรือลากจูงพร้อมอุปกรณ์จำนวน 1 ลำให้กับกองทัพเรือ ตาม
สัญญาลงวันที่ 15 สิงหาคม 2540 และสัญญาแก้ไขเปลี่ยนแปลง ลงวันที่ 28 มกราคม 2542 ในราคา
71,150,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีอากรและค่าใช้จ่ายทั้งปวง กำหนดเวลาส่งมอบเรือและรับ
ชำระค่าจ้างงวดสุดท้ายภายในวันที่ 12 เมษายน 2541 ต่อมามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์
2544 เห็นชอบให้มีการชดเชยความเสียหายแก่บริษัทฯ ผู้เป็นคู่สัญญากับกองทัพเรือที่ได้รับผลกระทบจาก
การปรับปรุงระบบแลกเปลี่ยนเงินตราโดยบริษัทฯ ได้รับเงินชดเชยความเสียหาย เมื่อวันที่ 20
กรกฎาคม 2544 กองทัพเรือได้หักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรในอัตรา
ร้อยละ 1.0 ของเงินที่จ่ายบริษัทฯ ได้นำเงินชดเชยความเสียหายมายื่นเป็นมูลค่าของฐานภาษีในเดือน
กรกฎาคม 2544 จึงขอทราบว่า
1. บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากเงินชดเชยความเสียหายที่ได้รับหรือไม่
2. หากไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ จะต้องดำเนินการอย่างไรในการขอคืน
ภาษีมูลค่าเพิ่ม
แนววินิจฉัย: 1. เงินชดเชยความเสียหายที่บริษัทฯ ได้รับจากกองทัพเรือตามมติคณะรัฐมนตรีฯ เป็นเงินได้
รับภายหลังสัญญารับจ้างสร้างเรือลากจูงพร้อมอุปกรณ์ได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยไม่มีข้อผูกมัดที่จะต้องตอบแทน
หรือให้บริการหรือกระทำการใด ๆ จึงมิใช่มูลค่าของฐานภาษีสำหรับการขายหรือการให้บริการ ตาม
มาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและออกใบกำกับภาษี
2. กรณีบริษัทฯ นำเงินชดเชยความเสียหายดังกล่าวมาเป็นมูลค่าของฐานภาษีตามแบบ
ภ.พ.30 ของเดือนกรกฎาคม 2544 ซึ่งเป็นเดือนที่ได้รับเงิน จึงถือว่าบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ
จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแสดงภาษีขายไว้เกิน หากยอดขายและยอดซื้อถูกต้องให้บริษัทฯ มีสิทธิยื่นคำร้อง
ขอคืนภาษีตามแบบ ค.10 ภายในสามปีนับแต่วันพ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีสำหรับเดือนภาษี
นั้นตามมาตรา 84/1(1) แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 6.2(2) และข้อ 8.1 ของ
ระเบียบกรมสรรพากร ว่าด้วยการคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม พ.ศ. 2539
เลขตู้: 66/32759


 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020