เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0811/3713
วันที่: 14 พฤษภาคม 2545
เรื่อง: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีให้บริการโฆษณาผลิตภัณฑ์สินค้าร่วมกัน
ข้อกฎหมาย: มาตรา 65 ตรี (13), มาตรา 65, มาตรา 77/2, มาตรา 82/4
ข้อหารือ: ลูกค้าของบริษัท บ. ผลิตสินค้าประเภทเครื่องดื่ม เช่น เบียร์ โซดา น้ำดื่ม ได้มีนโยบายใน
การปรับปรุงโครงสร้างและระบบการบริหารของบริษัทใหม่เพื่อรองรับการแข่งขันในกิจการประเภท
เครื่องดื่มโดยจะให้บริษัทในเครือเป็นผู้ผลิตสินค้าภายใต้ชื่อและเครื่องหมายการค้า ส่วนบริษัท บ. จะ
เป็นผู้ดูแลและกำกับเฉพาะนโยบายในด้านการประชาสัมพันธ์ชื่อและเครื่องหมายการค้า การดูแลกำกับ
การ สั่งการใด ๆ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ เครื่องหมายการค้า แสวงหาข้อมูลด้านการตลาดหรือข้อมูล
ต่าง ๆ ในทางการค้า กำหนดแผนการตลาด ติดต่อกับสื่อหรือเอเย่นต์บริษัทผู้รับทำโฆษณา (Agency)
เกี่ยวกับแผนการตลาดและกิจกรรมต่าง ๆ ในและต่างประเทศ ตรวจสอบการทำงานและประสิทธิภาพ
ของสื่อ และตรวจสอบ บิล และใบแจ้งหนี้จากบริษัทโฆษณาหรือบริษัทสื่อต่าง ๆ เพื่อจัดเก็บค่าใช้จ่ายด้าน
การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้ทำสัญญาตกลง
จะร่วมกันรับผิดชอบโดยการเฉลี่ยค่าใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังนี้
ก. ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่บริษัท บ. ได้จ่ายจริงและจ่ายเพื่อการโฆษณา
ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดเท่านั้น
ข. ค่าใช้จ่ายโฆษณาของผลิตภัณฑ์ชนิดใดมีการผลิต ณ โรงงานของบริษัทในเครือหลายแห่ง
ให้คิดถัวเฉลี่ยตามยอดขายของแต่ละบริษัทในเครือ และแต่ละชนิดผลิตภัณฑ์
ค. การคิดคำนวณและเรียกเก็บส่วนเฉลี่ยค่าโฆษณาภายใต้สัญญานี้ บริษัท บ . จะคิด
ค่าบริการหรือบวกกำไรหรือส่วนเพิ่มตามสมควร
บริษัทฯ จึงขอทราบว่า
1. วิธีการในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายของบริษัท บ. ข้างต้น เข้าลักษณะเป็นการให้บริการ
รับจ้างโฆษณา บริษัทในเครือมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 2.0 ของจำนวนเงินที่จ่าย ถูกต้อง
หรือไม่ อย่างไร พร้อมทั้งเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
2. ภาษีซื้อจากการโฆษณาตามใบกำกับภาษีที่บริษัทโฆษณาหรือบริษัทสื่อโฆษณาได้ออกให้กับ
บริษัท บ. บริษัท บ. มีสิทธินำภาษีซื้อดังกล่าวไปใช้ในการคำนวณเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ และเมื่อ
บริษัท บ. เรียกเก็บเงินจากบริษัทในเครือใบกำกับภาษีที่บริษัท บ. ได้ออกให้ บริษัทในเครือมีสิทธินำไป
ใช้หรือขอเครดิตภาษีต่อไปได้
3. หากบริษัท บ. ไม่มีการเรียกเก็บส่วนต่างหรือค่าบริการใด ๆ บริษัท ในเครือไม่มีหน้าที่
ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย เนื่องจากไม่มีกำไรหรือเป็นการทดรองจ่ายแทนบริษัทในเครือถูกต้องหรือไม่
แนววินิจฉัย: 1. กรณีบริษัท บ. ได้ตกลงกับบริษัทในเครือซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทเครื่องดื่มภายใต้ชื่อ
และเครื่องหมายการค้าของบริษัท บ. โดยบริษัท บ. จะเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องของการโฆษณา
ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์สินค้าภายใต้ชื่อและเครื่องหมายการค้าดังกล่าว รายจ่ายสำหรับการโฆษณาที่บริษัท
บ. ได้จ่ายไป จึงเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 และมาตรา
65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น เมื่อบริษัท บ. ได้จ่ายค่าโฆษณาตามข้อเท็จจริงดังกล่าว
บริษัท บ. มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งกรมสรรพากรในอัตราร้อยละ 2.0 ของยอดเงินที่จ่าย
นั้น ตามข้อ 10 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตาม
มาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528
สำหรับภาษีซื้อที่บริษัท บ. ถูกเรียกเก็บจากผู้ประกอบกิจการให้บริการโฆษณา
ภาษีซื้อดังกล่าวบริษัท บ. มีสิทธินำไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ตามมาตรา 82/3 แห่ง
ประมวลรัษฎากร
2. กรณีบริษัท บ. ได้เรียกเก็บเงินจากบริษัทในเครือตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่บริษัท บ.
และบริษัทในเครือได้ตกลงกัน เนื่องจากเงินที่บริษัท บ. ได้เรียกเก็บตามสัญญาดังกล่าว เป็นเรื่องของ
กิจการการให้บริการโฆษณาโดยตรง ดังนั้น เมื่อบริษัทในเครือได้จ่ายเงินค่าโฆษณาให้กับบริษัท บ. ตาม
สัญญาดังกล่าว บริษัทในเครือมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งในอัตราร้อยละ 2.0 ของ
ยอดเงินได้ที่จ่ายนั้น ทั้งนี้ ตามข้อ 10 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน
พ.ศ. 2528
บริษัท บ. ซึ่งเป็นผู้ให้บริการตามสัญญาดังกล่าวมีหน้าที่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจาก
บริษัทในเครือซึ่งเป็นผู้รับบริการ ทั้งนี้ ตามมาตรา 77/2 และมาตรา 82/4 แห่งประมวลรัษฎากร โดย
ภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทในเครือถูกเรียกเก็บย่อมเป็นภาษีซื้อของบริษัทในเครือเพื่อนำไปหักกับภาษีขายใน
การคำนวณเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร
3. หากบริษัท บ. ได้มีการเรียกเก็บเงินตามสัญญาดังกล่าว โดยมิได้มีการเรียกเก็บส่วนต่าง
หรือค่าบริการใด ๆ เพิ่มเติมจากที่บริษัท บ. ได้จ่ายไปจริง บริษัทในเครือก็ยังคงมีหน้าที่หักภาษี ณ
ที่จ่าย และนำส่งในอัตราร้อยละ 2.0 ของยอดเงินได้ที่จ่ายนั้น ทั้งนี้ ตามข้อ 10 ของ
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528
เลขตู้: 65/31415

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020