เมนูปิด
เลขที่หนังสือ: 0702/3539
วันที่: 4 พฤษภาคม 2561
เรื่อง: ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีการขออนุมัติหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายแทนผู้จ่ายเงินได้
ข้อกฎหมาย : มาตรา 40 (4) มาตรา 40(5) และมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 50ทวิ มาตรา 52 มาตรา 59 และมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ            บริษัท ล. จำกัด (บริษัทฯ) ขออนุมัติเป็นผู้กระทำแทนผู้จ่ายเงินได้ที่เป็นนิติบุคคล ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย โดยมีข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจเช่าซื้อ ลีสซิ่ง การให้สินเชื่อแก่ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์และการให้สินเชื่อเงินให้กู้ยืมในการประกอบกิจการ บริษัทฯ ได้รับเงินได้พึงประเมิน ที่ผู้จ่ายเงินได้เป็นนิติบุคคลมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ประกอบด้วย ดอกเบี้ย ค่าเช่า และค่าบริการ ค่าส่งเสริมการขายจากผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ โดยในทางปฏิบัติ บริษัทฯ จะเรียกเก็บเงินโดยแสดงยอดจำนวนเงินรวมหักด้วยภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ปัจจุบันผู้จ่ายเงินได้ที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลจ่ายเงินเข้ามาหลายช่องทาง เช่น ชำระผ่านทางธนาคาร จุดรับชำระเคาน์เตอร์เซอร์วิส ทำให้บริษัทฯ ได้รับเอกสารหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ล่าช้า ซึ่งเป็นภาระในการติดตามและรวบรวมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
           ดังนั้น เพื่อบรรเทาภาระในการติดตามหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ลดขั้นตอนกระบวนการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการนำส่งภาษีให้ถูกต้องและครบถ้วน บริษัทฯ จึงมีความประสงค์ขออนุมัติต่อกรมสรรพากรเป็นตัวแทนดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินได้ที่เป็นนิติบุคคลโดย
           1. ขออนุมัติเป็นตัวแทนดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินได้ที่เป็นนิติบุคคล
           2. ขออนุมัติไม่ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นรายฉบับทุกครั้ง ที่มีการรับชำระดอกเบี้ย ค่าเช่า และค่าบริการ ค่าส่งเสริมการขายจากผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ แต่ขอระบุข้อความเพิ่มเติมในใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษี โดยมีสาระสำคัญว่า “บริษัทฯ ได้ดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย เป็นจำนวน ... บาท แทนผู้จ่ายเงินแล้ว และจะดำเนินการนำส่งภาษีดังกล่าวต่อกรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป”
           3. ขออนุมัติไม่ต้องยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามแบบ ภ.ง.ด. 53 ในนามของ ผู้จ่ายเงินได้แต่ละราย แต่ขอยื่นรายการในฐานะผู้กระทำการแทน พร้อมทั้งแนบรายละเอียดรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซึ่งระบุชื่อผู้จ่ายเงินได้ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้จ่ายเงินได้ จำนวนเงินภาษีเงินได้ที่ หักนำส่ง และขอให้ถือเอกสารดังกล่าวเป็นใบต่อแบบ ภ.ง.ด. 53 และให้ถือว่ารายละเอียดดังกล่าวเป็นบัญชีพิเศษแสดงการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายและนำส่งภาษี
           4. ขออนุมัติใช้สำเนาแบบ ภ.ง.ด. 53 และใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากรที่รับชำระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นหลักฐานในการเครดิตภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 60 แห่งประมวลรัษฎากร
แนววินิจฉัย            1. กรณีบริษัทฯ ได้รับดอกเบี้ย ค่าเช่า และค่าบริการ ค่าส่งเสริมการขายจากผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) มาตรา 40 (5) และมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามข้อ 4 ข้อ 6 ข้อ 12/1 และข้อ 12/2ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528โดยผู้จ่ายเงินดังกล่าวมีหน้าที่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้กับบริษัทฯ ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และมีหน้าที่ต้องยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 52วรรคหนึ่ง มาตรา 59และมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร
           2. เนื่องจากผู้จ่ายเงินซึ่งมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตาม 1. มีจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯ ต้องใช้เวลาในการติดตามและรวบรวมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ในแต่ละเดือนค่อนข้างมาก ดังนั้น กรณีบริษัทฯ มีความประสงค์จะเป็นตัวแทนของผู้จ่ายเงินได้ เพื่อออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงิน ซึ่งเข้าลักษณะเป็นการกระทำการแทนตัวการ บริษัทฯ มีสิทธิกระทำได้ตามมาตรา 797 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยผู้จ่ายเงินจะต้องจัดทำสัญญาการตั้งตัวแทน และมอบอำนาจให้บริษัทฯ กระทำการแทนเป็นลายลักษณ์อักษร โดยให้บริษัทฯ ซึ่งเป็นตัวแทนดำเนินการดังนี้
          (1) กรณีบริษัทฯ ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้จ่ายเงิน ซึ่งมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตาม 1. ซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินรายเดิม โดยมีสาระสำคัญว่า “บริษัทฯ จะเป็นผู้ดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ของดอกเบี้ย ค่าเช่า และค่าบริการ ค่าส่งเสริมการขายจากผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงิน” โดยกำหนดระยะเวลาให้ผู้จ่ายเงินนั้นตอบรับ เมื่อผู้จ่ายเงินตอบรับแล้ว ให้ถือว่าหนังสือแจ้งเป็นข้อตกลงแต่งตั้งให้บริษัทฯ เป็นตัวแทนได้ แต่หากเป็นผู้จ่ายเงินซึ่งมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย รายใหม่ จะต้องมีการแต่งตั้งตัวแทนอย่างชัดเจน
          (2) กรณีบริษัทฯ หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับดอกเบี้ยรับ ค่าเช่า และค่าบริการ เงินค่าส่งเสริมการขาย แทนผู้จ่ายเงินแล้ว ผ่อนผันให้ผู้จ่ายเงิน ไม่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับดอกเบี้ยรับ ค่าเช่ารวมถึงค่าบริการ เงินค่าส่งเสริมการขาย ให้กับบริษัทฯ ในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50ทวิ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงไม่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นรายฉบับทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน แต่บริษัทฯ ต้องจัดทำรายละเอียดรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เพื่อเป็นหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายด้วย และบริษัทฯ ยังคงมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินได้พึงประเมินดังกล่าว รายละเอียดของรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ต้องมีรายการอย่างน้อย ดังต่อไปนี้
                (ก) คำว่า “รายละเอียดรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ประจำเดือน .... พ.ศ. ....” ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด
                (ข) ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยมีข้อความว่า “ในฐานะผู้กระทำการแทนผู้จ่ายเงินได้ตามรายชื่อที่ระบุไว้ในเอกสารนี้”
                (ค) ประเภทเงินได้
                (ง) ชื่อ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้จ่ายเงิน จำนวนเงินที่จ่าย และจำนวนเงินภาษีที่หักไว้
                (จ) ลายมือชื่อผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย
           (3) เพื่อเป็นการรับรองว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แทน ผู้จ่ายเงินแล้วให้บริษัทฯ ระบุข้อความเพิ่มเติมในใบเสร็จรับเงิน หรือใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีของดอกเบี้ยรับ ค่าเช่ารวมถึงค่าบริการ เงินค่าส่งเสริมการขาย โดยมีข้อความว่า “บริษัทฯ ได้หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 1.0 ร้อยละ 5.0 ร้อยละ 3.0 หรือร้อยละ 3.0 เป็นจำนวน ..... บาท แทนผู้จ่ายเงินแล้ว และ จะดำเนินการนำส่งภาษีดังกล่าวต่อกรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป” ซึ่งบริษัทฯ จะต้องจัดให้มีการ Scan หรือพิมพ์ลายมือชื่อผู้รับมอบอำนาจในใบเสร็จรับเงิน หรือใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีดังกล่าวด้วย
           (4) ให้บริษัทฯ ยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด. 53 โดยระบุ ในช่องผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ว่า “บริษัทฯ ในฐานะผู้กระทำการแทนผู้จ่ายเงิน” ในใบแนบ ภ.ง.ด. 53 พร้อมทั้งแนบรายละเอียดรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซึ่งระบุชื่อผู้จ่ายเงิน เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้จ่ายเงินจำนวนเงินที่จ่าย และจำนวนภาษีเงินได้ที่หัก และให้ถือว่าเอกสารรายละเอียดดังกล่าวเป็น ใบต่อแบบ ภ.ง.ด. 53 ด้วย ซึ่งจะจัดทำเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ และให้ถือว่าเป็นบัญชีพิเศษแสดง การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และการนำส่งภาษีตามมาตรา 17 แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 7 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้และภาษีการค้า (ฉบับที่ 4) เรื่อง กำหนดให้ผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้หรือภาษีการค้า ณ ที่จ่าย มีบัญชีพิเศษ ลงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2531
           (5) ให้บริษัทฯ ใช้สำเนาแบบ ภ.ง.ด. 53 และหลักฐานใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากรที่รับชำระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นหลักฐานในการเครดิตภาษีตามมาตรา 60 แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้: 81/40651

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020