เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0811/พ./11680
วันที่: 18 ธันวาคม 2544
เรื่อง: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการเรียกเก็บค่าแม่พิมพ์จากบริษัทต่างประเทศ
ข้อกฎหมาย: มาตรา 9, มาตรา 82/5(3)
ข้อหารือ: บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุนสำหรับกิจการผลิตเข็มขัดนิรภัย ซึ่งได้ผลิต เข็มขัดนิรภัย
ขายให้แก่ลูกค้าต่างประเทศโดยมีข้อตกลงให้ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบค่าแม่พิมพ์และกรรมสิทธิ์ในแม่พิมพ์จะ
เป็นของลูกค้า ทั้งนี้ บริษัทฯ สามารถใช้แม่พิมพ์เพื่อผลิตเข็มขัดนิรภัยให้ ลูกค้าได้ แต่ต้องส่งคืนให้ลูกค้า
เมื่อเลิกการผลิตซึ่งแม่พิมพ์ที่บริษัทฯ นำมาใช้นี้บริษัทฯ ได้ว่าจ้างบริษัท A ในประเทศให้ทำการผลิตคิด
ราคา 1,000,000 บาท โดยบริษัท A จะออกใบกำกับภาษีเรียกเก็บเงินค่าแม่พิมพ์จากบริษัทฯ และ
บริษัทฯ จะออกใบแจ้งหนี้เรียกเก็บค่าแม่พิมพ์และค่าดำเนินการจากลูกค้าเป็นเงิน 1,050,000 บาท
บริษัทฯ จึงหารือว่า
1. บริษัทฯ สามารถนำภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีค่าแม่พิมพ์ที่บริษัทฯ ได้รับจากบริษัท A ไป
คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้หรือไม่
2. บริษัทฯ มีสิทธิออกใบกำกับภาษีขายให้แก่ลูกค้าได้หรือไม่
3. ในการออกใบแจ้งหนี้เพื่อเรียกเก็บเงินจากลูกค้าจำนวน 1,050,000 บาท นั้น จะต้อง
คำนวณเงินบาทเป็นเงินเยนโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันใด
4. จากข้อ 3 เมื่อลูกค้าโอนเงินมาให้บริษัทฯ จะเกิดผลกำไรหรือขาดทุนจาก
อัตราแลกเปลี่ยนจะถือเป็นรายได้จากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนหรือไม่
5. จากข้อ 3 เงินที่เรียกเก็บจากลูกค้าจำนวน 1,050,000 บาท นั้น จะถือเป็น รายได้
ของบริษัทฯ ทั้งจำนวนหรือเฉพาะส่วนของค่าดำเนินการจำนวน 50,000 บาท และจะถือเป็นรายได้ของ
กิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนหรือไม่
แนววินิจฉัย: กิจการปกติธุระของบริษัทฯ คือ การผลิตเข็มขัดนิรภัยเพื่อขาย แม่พิมพ์ที่ใช้ในการผลิตเข็มขัด
นิรภัยจึงถือเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะทำให้การผลิตสินค้าสำเร็จลุล่วงตามความ มุ่งหมาย แม่พิมพ์
ดังกล่าวจึงถือเป็นต้นทุนการผลิต นอกจากนี้การที่บริษัทฯ กับลูกค้ามีข้อตกลง ให้ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบค่า
แม่พิมพ์และกรรมสิทธิ์เป็นของลูกค้า ทั้งต้องส่งคืนเมื่อผลิตเสร็จ โดยบริษัทฯ เรียกเก็บค่าแม่พิมพ์เกินกว่า
ราคาที่บริษัทฯ จ่ายให้แก่บริษัทผู้ผลิตแม่พิมพ์ กรณีของส่วนแม่พิมพ์จึงถือเป็นการขายสินค้าเช่นกัน ดังนั้น
1. บริษัทฯ สามารถนำภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีค่าแม่พิมพ์ไปหักออกจากภาษีขายในการคำนวณ
ภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 82/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร และเมื่อเรียกเก็บเงินจาก
ลูกค้า บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ออกใบกำกับภาษีเพื่อเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา
82/4 และมาตรา 86 แห่งประมวลรัษฎากร เนื่องจากแม่พิมพ์นั้นบริษัทฯ มิได้ส่งออกทันทีแต่ได้ใช้ใน
การผลิตเข็มขัดนิรภัยในประเทศก่อน
2. ในการคำนวณราคาสินค้าตามใบแจ้งหนี้จากเงินบาทเป็นเงินเยนให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยน
ตามราคาตลาดในวันที่บริษัทฯ ออกใบแจ้งหนี้ได้ เนื่องจากใบแจ้งหนี้มิใช่เอกสารที่กฎหมายกำหนดให้ต้อง
คำนวณอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงกำหนดวันที่ลูกค้าชำระค่าสินค้าบริษัทฯ ต้อง
ออกใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร โดยแสดงมูลค่าของ สินค้าและจำนวน
ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นหน่วยเงินตราไทย โดยให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวันที่
ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้เป็นอัตราแลกเปลี่ยนในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตรา
ไทยของวันถัดไปตามมาตรา 9 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 ของ คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.
71/2541 เรื่อง อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในการปฏิบัติการเพื่อหัก
ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย การหักภาษีตามมาตรา 70 และมาตรา 70 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร การ
ออกใบกำกับภาษีและการลงรายการในรายงานภาษีมูลค่าเพิ่ม ลงวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2541
3. เนื่องจากแม่พิมพ์มิใช่ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนตามบัตรส่งเสริมการลงทุน ราคา
ค่าแม่พิมพ์ที่บริษัทฯ เรียกเก็บจากลูกค้าจึงมิใช่รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์หรือ ผลพลอยได้จากผลิตภัณฑ์ที่
ได้รับการส่งเสริมการลงทุน บริษัทฯ จึงไม่อาจนำราคาค่าแม่พิมพ์ทั้งจำนวนที่เรียกเก็บจากลูกค้ามาถือ
เป็นรายได้ของบริษัทฯ จากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน นอกจากนี้ผลกำไรหรือขาดทุนอัน
เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากลูกค้าโอนเงินค่าแม่พิมพ์มาให้ ก็ไม่ถือเป็นผลกำไรหรือขาดทุนจากการ
ปริวรรตเงินตราจากผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จึงไม่ถือเป็นรายได้จากการประกอบกิจการที่
ได้รับการส่งเสริมการลงทุน
เลขตู้: 64/31176

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020