เมนูปิด

 

เลขที่หนังสือ: กค 0811/7437
วันที่: 27 กรกฎาคม 2544
เรื่อง: ภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีการจดทะเบียนรับโอนโฉนดที่ดินไขว้สับกัน
ข้อกฎหมาย: มาตรา 91/2(6)
ข้อหารือ: สำนักงานสรรพากรภาคได้ส่งหนังสือหารือเกี่ยวกับการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะกรณีการ
จดทะเบียนรับโอนโฉนดที่ดินไขว้สับกัน ราย นาง อ. โดยมีข้อเท็จจริงสรุปได้ ดังนี้
1. นาง ว. ตกลงซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 167 ตำบลป้อมปราบศัตรูพ่าย อำเภอสามเพ็ง จังหวัด
แขวงเมืองกรุงเทพฯ จากห้าง เอ แต่ด้วยความพลั้งเผลอผิดหลงได้จดทะเบียนซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์
ที่ดินโฉนดเลขที่ 330 ตำบลป้อมปราบศัตรูพ่าย อำเภอสามเพ็ง จังหวัดแขวงเมืองกรุงเทพฯ เมื่อวันที่
10 ตุลาคม 2484 นาง ว. ได้เข้าครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 167 ฯ มาโดยตลอด และที่ดินได้ตกทอด
ทางมรดกยังทายาทได้แก่นาย ส. กับพวก โดยทายาทดังกล่าวได้ครอบครองทำประโยชน์ตลอดมาจนถึง
ปัจจุบัน
2. นาง ฟ. (มารดานาง อ.) นาง ฮ. และนาง ซ. ได้ตกลงร่วมกันซื้อที่ดินโฉนดเลขที่
330 ตำบลป้อมปราบศัตรูพ่าย อำเภอสามเพ็ง จังหวัดแขวงเมืองกรุงเทพฯ จากห้าง เอ แต่ด้วยความ
พลั้งเผลอผิดหลงได้จดทะเบียนซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 167 ตำบลป้อมปราบศัตรูพ่าย
อำเภอสามเพ็ง จังหวัดแขวงเมืองกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2486 นาง ฟ.นาง ฮ. และนาง
ซ. ได้เข้าครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 330 ฯ มาโดยตลอด และที่ดินได้ตกทอดทางมรดกยังทายาทได้แก่
นาง อ. กับพวก โดยทายาทดังกล่าวได้ครอบครองทำประโยชน์ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
3. ต่อมา พ.ศ. 2531 ได้เกิดอัคคีภัยในบริเวณที่ดินโฉนดเลขที่ 330 ฯ ทำให้สิ่งปลูกสร้าง
ถูกเพลิงไหม้ทั้งหมด นาง อ. กับทายาทคนอื่น ๆ ประสงค์จะปลูกสร้างอาคารบนที่ดินดังกล่าว และจาก
การขอรังวัดที่ดินเพื่อตรวจสอบแนวเขตจึงได้ทราบว่า ที่ดินที่พวกตนครอบครองทำประโยชน์อยู่เป็นที่ดิน
โฉนดเลขที่ 330 ฯ แต่พวกตนกลับมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 167 ฯ ส่วนนาย ส. กับพวกได้มีชื่อ
ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 330 ฯ
นาง อ. กับพวกได้แจ้งให้นาย ส. กับพวกจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้
ถูกต้อง แต่นาย ส. กับพวกเพิกเฉย นาง อ. กับพวกจึงได้ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนาย ส.กับพวกรวมสี่
คนเป็นจำเลยต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อให้ส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 330 ฯ และจดทะเบียน
โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่พวกตน ซึ่งต่อมาศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้มีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ส่งมอบโฉนดที่ดิน
เลขที่ 330 ฯ โดยปลอดภาระผูกพันใด ๆ ให้แก่ตนกับพวกและให้ตนกับพวกส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 167
ฯ โดยปลอดภาระผูกพันใด ๆ ให้แก่จำเลยทั้งสี่ และให้ไปจัดการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน
ทั้งสองแปลงให้ถูกต้องตรงกับความเป็นจริง หากจำเลยทั้งสี่ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทน
การแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสี่
4. นาง อ. กับพวกได้ดำเนินการขอจดทะเบียนโอนโฉนดที่ดินเลขที่ 330 ฯ เป็นชื่อของนาง
อ. กับพวก โดยใช้คำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสี่ ปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดิน
แจ้งว่าต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่นาง อ. เห็นว่า ไม่เข้าข่ายต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เนื่องจาก
เป็นการแก้ไขรายการจดทะเบียนให้ถูกต้องตรงกับความเป็นจริง มิได้มีการเสียค่าตอบแทนแก่กัน มิใช่
การโอนกรรมสิทธิ์เพราะมีการซื้อขาย และมิได้เป็นการมุ่งค้าหรือหากำไร อีกทั้งหากพิจารณาว่าเป็นการ
โอนทรัพย์สินให้แก่กันแล้ว ก็เป็นการโอนทรัพย์สินที่ได้มาทางมรดกซึ่งได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ
ประกอบกับนาง อ. กับพวกต่างได้ครอบครองที่ดินเกินกว่า 5 ปีแล้วทั้งสิ้น นาง อ. จึงหารือว่า
ความเข้าใจดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ และเจ้าพนักงานที่ดินสามารถเรียกเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะได้หรือไม่
สภ. มีความเห็นว่า การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งเป็นการแก้ไขรายการจดทะเบียนให้ถูกต้อง
ตรงกับความเป็นจริงตามคำพิพากษาของศาล โดยมิได้มีเจตนาแลกเปลี่ยนที่ดินระหว่างกัน ไม่ถือเป็นการ
ขาย” ตามมาตรา 91/1(4) แห่งประมวลรัษฎากร จึงไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
แนววินิจฉัย: เมื่อข้อเท็จจริงเป็นกรณีเกิดความผิดพลาดหรือผิดหลงเกี่ยวกับการจดทะเบียนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์
ในโฉนดที่ดิน และศาลได้มีคำพิพากษาให้นาง อ. กับพวกจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินให้ถูกต้อง
ตรงกับความเป็นจริง นาง อ. กับพวกจึงชอบที่จะขอให้เจ้าพนักงานที่ดินแก้ไขชื่อในโฉนดที่ดินให้ถูกต้อง
ได้ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีที่เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้มี
กรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินให้ถูกต้องดังกล่าวไม่ถือเป็นการขายที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแต่อย่างใด
อนึ่ง ถ้ามิได้ขอให้แก้ชื่อในโฉนดให้ถูกต้องแต่ได้โอนคืนที่ดินระหว่างกัน กรณีถือเป็นการขาย
ตามมาตรา 91/1(4) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งบัญญัติว่า “ขาย” หมายความรวมถึงสัญญาจะขาย
ขายฝาก แลกเปลี่ยน ให้ ให้เช่าซื้อหรือจำหน่ายจ่ายโอนไม่ว่าจะมีประโยชน์ตอบแทนหรือไม่
อย่างไรก็ตามแม้เข้าลักษณะเป็นการ “ขาย” แต่กรณีตามข้อเท็จจริงเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้
กระทำเกินกว่า 5 ปี นับแต่วันที่ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์นั้น ทั้งยังเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มา
โดยทางมรดก จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรที่ต้องเสีย
ภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2(6) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาออกตามความ
ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 342) พ.ศ. 2541
เลขตู้: 64/30708


 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020