เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0811/พ.14528
วันที่: 12 ตุลาคม 2541
เรื่อง: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีประกอบกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่
โดยสำคัญผิดจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับกิจการที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย: มาตรา 65 ทวิ (2), มาตรา 77/1(8)(10), มาตรา 81(1)(ต), มาตรา 82/3,
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.37/2534 ฯ
ข้อหารือ: บริษัท ก. จำกัด ได้ก่อสร้างอาคาร 5 ชั้น เพื่อประกอบกิจการให้เช่าห้องพัก จำนวน 84
ห้อง แต่ละห้องจะมีมาตรวัดน้ำประปา ไฟฟ้า ซึ่งผู้เช่าจะเป็นผู้จ่ายตามปริมาณที่ใช้ และมีบริการโทรศัพท์
ผ่านศูนย์ของอาคาร ไม่มีบริการทำความสะอาดห้องพัก ซักรีด หรืออาหาร โดยเมื่อเริ่มก่อสร้างอาคาร
ด้วยความสำคัญผิดบริษัทฯ ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เฉพาะประเภทกิจการให้เช่าห้องพัก (มิได้
จดทะเบียนว่าประกอบกิจการขายน้ำประปา ไฟฟ้า หรือให้บริการโทรศัพท์) และได้ยื่นแบบ ภ.พ.30
แสดงเฉพาะยอดซื้อและภาษีซื้อที่เกิดจากการก่อสร้างอาคาร ไม่มียอดขายและภาษีขายเพราะบริษัทฯ
ยังไม่มีรายได้เนื่องจากอาคารก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ และได้ขอคืนภาษีเป็นเงินสดสำหรับเดือนมีนาคม
และเดือนเมษายน 2540 แต่ยังไม่ได้รับแจ้งคืนเงินภาษี และในเดือนต่อ ๆ มาได้ยกไปเป็นเครดิตภาษี
ความเห็นต่อไปนี้ถูกต้องหรือไม่
1. บริษัทฯ มีสิทธิ์ยื่นคำร้องขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับกิจการให้เช่าห้องพักได้
เพราะกิจการให้เช่าห้องพักได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่มีสิทธิจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ส่วนกิจการ
ขายน้ำประปา ไฟฟ้า และการให้บริการโทรศัพท์ บริษัทฯ ยังมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไป
2. บริษัทฯ จะนำภาษีซื้อไปรวมเป็นต้นทุนของอาคารเพื่อหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา
โดยไม่นำไปเฉลี่ยเป็นภาษีซื้อเพื่อนำไปใช้เป็นเครดิตภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้
หรือไม่ หากจะนำภาษีซื้อในส่วนนี้ไปใช้เป็นเครดิตภาษี ภาษีซื้อจากค่าอะไรบ้างที่จะนำไปใช้ได้
3. บริษัทฯ ไม่ต้องรับผิดทางแพ่งหรือทางอาญา กรณีบริษัทฯ ได้ขอคืนภาษีซื้อเป็นเงินสด
แต่ยังไม่ได้รับแจ้งคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม
แนววินิจฉัย: 1. บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการ ดังนี้
1.1 ให้เช่าห้องพัก โดยไม่มีบริการทำความสะอาดหรือบริการอื่นใด เข้าลักษณะเป็น
การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (1) (ต) แห่งประมวลรัษฎากร
โดยบริษัทฯ ไม่มีสิทธิแจ้งต่ออธิบดีเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา
81/3 แห่งประมวลรัษฎากร
1.2 ขายน้ำประปา ไฟฟ้า และการให้บริการโทรศัพท์ (ระบบสาธารณูปโภค) เป็น
การขายสินค้าและให้บริการ ตามมาตรา 77/1 (8) และ (10) แห่งประมวลรัษฎากร อยู่ในบังคับต้อง
เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 หรือมาตรา 82/16 แห่งประมวลรัษฎากร แล้วแต่กรณี
จึงเป็นกรณีที่บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการทั้งประเภทที่ต้องเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่ม และที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ จึงมีสิทธิยื่นขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับ
กิจการขายน้ำประปา ไฟฟ้าและให้บริการโทรศัพท์ได้ตั้งแต่เริ่มประกอบกิจการตามมาตรา 85 แห่ง
ประมวลรัษฎากร แต่กรณีตามข้อเท็จจริงด้วยความสำคัญผิด บริษัทฯ ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเฉพาะ
การให้เช่าห้องพัก ซึ่งเป็นกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่เนื่องจากบริษัทฯ ประกอบกิจการขาย
น้ำประปา ไฟฟ้า และการให้บริการโทรศัพท์ ซึ่งเป็นกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ จึง
มีหน้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถอนทะเบียนฯ ดังกล่าวแล้วไปยื่นคำขอ
จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มใหม่แต่อย่างใด ทั้งนี้ บริษัทฯ ต้องไปยื่นคำขอเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน
ภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยไม่ต้องรับผิดทางอาญาแต่อย่างใด ซึ่งมีผลให้บริษัทฯ มีสิทธินำภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องกับ
ระบบสาธารณูปโภค ที่ถือเป็นต้นทุนโดยตรงของกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไปหักในการคำนวณ
ภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร
2. ภาษีซื้อที่เกิดจากการก่อสร้างอาคาร เช่น ค่าฐานราก ค่าโครงสร้าง ค่าออกแบบ
และค่าจ้างเหมาก่อสร้าง ซึ่งถือเป็นต้นทุนโดยตรงของกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ ไม่มี
สิทธิ์นำภาษีดังกล่าวไปหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่ง
ประมวลรัษฎากร แต่บริษัทฯ ได้นำภาษีซื้อดังกล่าวไปใช้ในการคำนวณภาษีในการยื่นแบบ ภ.พ.30 และ
ขอคืนหรือเครดิตภาษี จึงเป็นการยื่นแบบแสดงรายการไม่ถูกต้องเป็นเหตุให้จำนวนภาษีซื้อในเดือนภาษีที่
แสดงไว้คลาดเคลื่อนไป ต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามมาตรา 89 (4) และมาตรา 89/1
แห่งประมวลรัษฎากร นับตั้งแต่เดือนภาษีที่นำภาษีซื้อดังกล่าวไปใช้ในการคำนวณภาษี แต่เนื่องจากบริษัทฯ
มีความสำคัญผิดในข้อกฎหมาย
2.1 บริษัทฯ อาจยื่นคำร้องของดเบี้ยปรับมาที่คณะกรรมการ กพบ. ได้ตาม 7 แห่ง
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.37/2534 ฯ ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ 45/2536 ฯ ลงวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2536
2.2 บริษัทฯ ยื่นแบบ ภ.พ.30 โดยไม่มีภาษีขายแต่มีภาษีซื้อเกินไป ดังนั้น ใน
การคำนวณภาษีจึงไม่มีจำนวนภาษีที่จะต้องชำระ บริษัทฯ จึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มตามมาตรา 89/1
แห่งประมวลรัษฎากรแต่อย่างใด
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีสิทธินำภาษีซื้อดังกล่าวมารวมคำนวณเป็นต้นทุนของอาคารเพื่อหักค่าสึกหรอ
และค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินได้ตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร
3. กรณีบริษัทฯ ยังไม่ได้ให้บริการเช่าห้องพัก และยังไม่ได้ออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มและ
เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มใด ๆ จึงไม่มีความรับผิดทางอาญาแต่อย่างใด
เลขตู้: 61/27164

 


 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020