เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0811/02557
วันที่: 22 มีนาคม 2542
เรื่อง: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีแยกธุรกิจประกันชีวิต และประกันวินาศภัยออกจากกัน
ข้อกฎหมาย: มาตรา 56, มาตรา 56 ตรี, มาตรา 56 ทวิ, พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 282), (ฉบับที่ 283) พ.ศ.2539
ข้อหารือ: บริษัทฯ ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยในบริษัทเดียวกัน
ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการประกันชีวิตและประกันวินาศภัย กำหนดให้บริษัทฯ ต้องแยกธุรกิจ
ทั้งสองออกจากกันโดยการจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่ บริษัทฯ จึงกำหนดเป็นนโยบายว่าบริษัทฯ จะแยกธุรกิจ
ดังกล่าวออกจากกันโดยโอนบรรดาทรัพย์สิน หนี้สิน เงินทุนจดทะเบียน ขาดทุนสะสม ความรับผิดชอบตาม
กรมธรรม์ประกันภัยตลอดจนพนักงานและลูกจ้างในส่วนของแต่ละธุรกิจไปจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ เพราะ
บริษัทมีการแยกบัญชีระหว่างธุรกิจทั้งสองออกจากกันอยู่แล้ว ในการแยกธุรกิจดังกล่าวออกจากกัน บริษัทฯ
ขอทราบว่า
1. บริษัทผู้รับโอนจะได้รับยกเว้นภาษีหรือไม่
2. บริษัทผู้รับโอนจะต้องปฏิบัติอย่างไรเกี่ยวกับขาดทุนสะสมดังกล่าว
แนววินิจฉัย: 1. การโอนทรัพย์สินเพื่อแยกบริษัทที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต และบริษัทที่ได้
รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยออกจากกัน ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาฯ
(ฉบับที่ 282) พ.ศ. 2538 และได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 283)
พ.ศ. 2538
2. กรณีแยกบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต และได้รับใบอนุญาตประกอบ
ธุรกิจประกันวินาศภัยออกจากกัน ตามพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการประกันชีวิตและพระราชบัญญัติเกี่ยวกับ
การประกันวินาศภัย บริษัทฯ จะแยกธุรกิจดังกล่าวโดยการโอนทรัพย์สิน หนี้สิน เงินทุนจดทะเบียนและ
ขาดทุนสะสมไปยังบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่บริษัทฯ ย่อมกระทำได้ตามหลักการทางบัญชี แต่ในส่วนของขาดทุน
สะสมที่โอนไปยังบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ไม่สามารถนำผลขาดทุนสะสมดังกล่าวมาหักในการคำนวณกำไรสุทธิ
เพื่อเสียภาษีเงินได้ของบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ได้ เนื่องจากการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสีย
ภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามมาตรา 65 มาตรา 65 ทวิ
และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้: 62/27657

 


 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020