เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0811/02985
วันที่: 31 มีนาคม 2542
เรื่อง: ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีการขายที่ดินซึ่งถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน
ข้อกฎหมาย: มาตรา 81/2, พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534, มาตรา 291 และ มาตรา 1025
และมาตรา 1356 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ข้อหารือ: สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ แจ้งว่าได้รับโอนข้อมูลการขายอสังหาริมทรัพย์ราย นาง ก
กับพวกรวม 4 คน ซึ่งขายที่ดินจังหวัดปทุมธานี ราคาทุนทรัพย์ 44,734,000 บาท สำนักงานภาษี
สรรพากรพื้นที่ ได้ทำการไต่สวนตรวจสอบการเสียภาษีอากรของคณะบุคคลดังกล่าว ปรากฏว่า คณะบุคคล
ราย นาง ก กับพวก ได้ทำสัญญาซื้อที่ดินจากบุคคลอื่นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2534 โดยถือกรรมสิทธิ์ร่วม
กันเป็นส่วน ๆ คือ
นาง ก ถือกรรมสิทธิ์ 5,400.0 ส่วน
นาย ข ถือกรรมสิทธิ์ 2,834.5 ส่วน
นาง ค ถือกรรมสิทธิ์ 19,100.0 ส่วน
นาง ง ถือกรรมสิทธิ์ 17,400.0 ส่วน (ปัจจุบันถึงแก่กรรม)
ต่อมาคณะบุคคลดังกล่าวได้ทำสัญญาขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ บริษัท เอ จำกัด และบริษัท บี จำกัด ไปเมื่อ
วันที่ 29 มิถุนายน 2535 เป็นเงิน 44,734,000 บาท และได้มีการแยกยื่นการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
ตามส่วนของตน ณ สำนักงานสรรพากรอำเภอ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2539 ดังนี้
นาง ก จำนวน 166,496 บาท
นาย ข จำนวน 317,192 บาท
นาง ค จำนวน 1,121,922 บาท
รวมทั้งสิ้น 1,605,610 บาท
นาง ก กับพวก ได้นำสำเนาแบบแสดงรายการ ภ.ธ.40 และสำเนาใบเสร็จรับเงินดังกล่าวไปมอบให้
เจ้าพนักงานประเมินเพื่อประกอบการพิจารณา และได้แจ้งว่านาง ง ถึงแก่กรรมแล้วจึงไม่ได้ยื่นรายการ
และเสียภาษีธุรกิจเฉพาะสำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ เห็นว่า การขายที่ดินดังกล่าวเข้าลักษณะเป็น
การขาย อสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามนัยมาตรา 81/2 (6)
แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 3 (6) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความใน
ประมวลรัษฎากรฯ (ฉบับที่ 244)พ.ศ. 2534 โดยต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในนามของคณะบุคคลฯ จึง
ขอทราบว่า ความเห็นของสำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ ถูกต้องหรือไม่
แนววินิจฉัย: 1. ตามข้อเท็จจริง แม้จะได้มีการบรรยายส่วนการถือกรรมสิทธิ์ไว้ แต่หากไม่ได้
จดทะเบียนบรรยายถึงว่า ของใครอยู่ส่วนไหนเป็นจำนวนเนื้อที่เท่าใดชัดแจ้งแล้ว กรณีถือได้ว่าบุคคล
เหล่านั้นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม ตามมาตรา 1356 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประกอบกับ
เมื่อตามข้อเท็จจริง บุคคลทั้งหมดได้ที่ดินดังกล่าวมาพร้อมกันและได้ขายให้กับผู้ซื้อซึ่งเป็นบริษัทเดียวกันใน
เวลาพร้อมกันมิใช่แต่ละคนแบ่งแยกขายเฉพาะส่วนของตน กรณีถือได้ว่าบุคคลเหล่านั้นมีเจตนาร่วมลงทุน
ในการซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าว จึงต้องเสียภาษีในนามห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนหรือ
คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมแต่ละคนจะแยกยื่นเสียภาษีในนามของตนเองไม่ได้
2. ตามข้อเท็จจริง เมื่อนาง ก และพวก คือนาย ข และนาง ค ได้นำรายรับที่ได้จาก
การขายที่ดินตามส่วนที่ตนมีไปยื่นแบบ ภ.ธ.40 เพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในนามของแต่ละบุคคลแล้ว เข้า
ลักษณะเป็นการยื่นแบบแสดงรายการผิดหน่วยภาษี เนื่องจากในการเสียภาษีในนามของห้างหุ้นส่วนสามัญ
ไม่จดทะเบียนหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล บุคคลผู้เข้าร่วมในคณะบุคคลดังกล่าวต้องรับผิดร่วมกัน เพื่อหนี้
ทั้งปวงของห้างโดยไม่มีจำกัด ทั้งนี้ ตามมาตรา 1025 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น นาง
ก และพวกอีก 3 คนจึงต้องรับผิดร่วมกันในหนี้ภาษีอากรจากการขายที่ดินดังกล่าว โดยกรมสรรพากร
มีสิทธิจะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้แค่คนใดคนหนึ่งสิ้นเชิงหรือแต่โดยส่วนก็ได้ตามแต่จะเลือก แต่ลูกหนี้
ทั้งปวงก็ยังคงต้องผูกพันอยู่ทั่วทุกคนจนกว่าหนี้นั้นจะได้ชำระเสร็จสิ้นเชิง ทั้งนี้ ตามมาตรา 291 แห่ง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เลขตู้: 62/27721

 


 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020