เลขที่หนังสือ | : กค 0811/10677 |
วันที่ | : 15 ตุลาคม 2542 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการขายสุราที่คงเหลืออยู่เมื่อสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา28(1)(2), พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30)ฯ, มาตรา 6 พระราชบัญญัติสุราฯ (ฉบับที่ 6)ฯ |
ข้อหารือ | : บริษัทฯ หารือแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการขายสุราที่คงเหลืออยู่เมื่อสิ้นสุด สัญญาสัมปทาน ดังมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. กลุ่มบริษัทฯ เป็นผู้ประกอบการซึ่งได้รับใบอนุญาตทำสุราที่มีสัญญาผูกพันกับ กรมสรรพสามิตอยู่แล้วก่อนวันที่ 1 มกราคม 2535 โดยในสัญญาดังกล่าวกำหนดให้บริษัทฯ ต้องชำระเงิน ให้แก่รัฐบาลเป็นการเหมาจ่ายซึ่งเป็นเงินที่รวมค่าภาษีสุราและค่าผลประโยชน์ด้วย เมื่อบริษัทฯ ขายสุรา ตามสัญญาผูกพันดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2535 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2542 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดสัญญา บริษัทฯ ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 28(1) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 2. เนื่องจากปรากฏว่า ขณะนี้บริษัทฯ มีสุราซึ่งได้เสียภาษีเป็นการเหมาจ่ายไว้แล้ว คงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก และคาดว่าเมื่อสิ้นสุดสัญญาดังกล่าวก็จะไม่สามารถขายได้หมด จึงหารือว่า (1) หากบริษัทฯ ขายสุราที่คงเหลืออยู่ ซึ่งเป็นสุราที่ได้เสียภาษีไว้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2543 เป็นต้นไป บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ (2) หากบริษัทฯ ขายสุราที่เสียภาษีไว้แล้ว ตั้งแต่ก่อนหรือในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2542 แต่ลูกค้าดังกล่าวยังไม่สามารถขายได้หมดภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2542 ลูกค้าต้องขาย สุราที่ซื้อสุราที่คงเหลืออยู่ในวันที่ 1 มกราคม 2543 เป็นต้นไป ลูกค้าของบริษัทฯ มีหน้าที่ต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีตามข้อเท็จจริง บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบการซึ่งได้รับใบอนุญาตทำสุราที่มีสัญญาผูกพัน กับกรมสรรพสามิต หรือกรมโรงงานอุตสาหกรรม ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2536 และในสัญญาดังกล่าว บริษัทฯ ผู้ได้รับใบอนุญาตทำสุราต้องชำระเงินให้แก่รัฐบาลเป็นการเหมาจ่ายโดยรวมค่าภาษีสุราและค่า ผลประโยชน์ด้วย ดังนั้น การผลิตสุราในปี 2542 ซึ่งเป็นปีที่สิ้นสุดสัญญาสัมปทาน บริษัทฯ ผู้ได้รับ ใบอนุญาตจึงมีสิทธิเสียภาษีสุราตามอัตราเดิมตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 ทั้งนี้ ตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2534 ต่อมา หากบริษัทฯ ผู้ได้รับใบอนุญาตได้ ขายสุราที่ทำตามสัญญาผูกพันดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2543 เป็นต้นไป จะมีภาระ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้ (1) กรณีบริษัทฯ ผลิตสุรา และได้เสียภาษีสุราครบถ้วนแล้วตามสัญญาตามหลักเกณฑ์ใน มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2534 เมื่อขายสุราดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2543 เป็นต้นไปบริษัทฯ ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 28(1) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 (2) กรณีผู้ประกอบการอื่น ๆ ซื้อสุราที่ได้เสียภาษีสุราแล้วตาม (1) ไปเพื่อขายปลีก หรือขายส่งทุกทอด โดยอาจซื้อก่อนหรือในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2542 และไม่สามารถขาย ได้หมดภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2542 ผู้ประกอบการจะต้องขายสุราที่คงเหลืออยู่นั้นในวันที่ 1 มกราคม 2543 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการดังกล่าวไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 28(2) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 (3) กรณีผู้ประกอบการอื่น ๆ ตาม (2) เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ ประกอบกิจการภัตตาคาร และขายสุราที่ได้เสียภาษีสุราแล้วตาม (1) ในภัตตาคาร ผู้ประกอบการมี หน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 28(2) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับ ที่ 30) พ.ศ. 2534 กิจการภัตตาคาร ได้แก่ กิจการขายอาหารหรือเครื่องดื่มไม่ว่าชนิดใด ๆ รวมทั้ง กิจการรับจ้างปรุงอาหารหรือเครื่องดื่ม ทั้งนี้ ไม่ว่าในหรือจากสถานที่ซึ่งจัดไว้ให้ประชาชนเข้าไปบริโภค ได้ (4) กรณีบริษัทฯ มีสุราคงเหลืออยู่ในวันที่ 31 ธันวาคม 2542 และยังไม่ได้ปิดแสตมป์ สุราหรือปิดแสตมป์สุราไม่ครบถ้วนตามอัตราภาษีสุรา บริษัทฯ ไม่มีสิทธินำสุราออกจากโรงงาน ซึ่งถือว่า สุรานั้นยังไม่ได้เสียภาษีสุราตามหลักเกณฑ์ในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2534 ดังนั้น หากสัญญากำหนดว่าสุราต้องตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้ประโยชน์โดยไม่คิดมูลค่า หรือบริษัทฯ ขาย สุรานั้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2543 เป็นต้นไป บริษัทฯ ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากสุราดังกล่าว (5) กรณีสัญญากำหนดว่า บริษัทฯ จะต้องมีสุราขาวที่ยังไม่ได้เสียภาษีคงเหลืออยู่ใน โรงงานในวันสิ้นอายุสัญญาไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 และไม่เกินร้อยละ 50 ของประมาณสุราที่กำหนดให้ทำ ออกขายในเขตการขายสุราในเดือนสุดท้ายของสัญญาเพื่อขายให้แก่ผู้รับประโยชน์คนใหม่ ดังนั้น เมื่อขาย สุราขาวที่ยังไม่ได้เสียภาษีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2543 เป็นต้นไป บริษัทฯ ต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มจากสุราดังกล่าว 2. อย่างไรก็ดี เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบว่า บริษัทฯ ได้ผลิตสุราและเสียภาษีสุรา ครบถ้วนตามสัญญาผูกพันแล้ว อาศัยอำนาจตามมาตรา 81/2 แห่งประมวลรัษฎากร (1) ให้บริษัทฯ จัดทำรายงานแสดงรายการ ประเภท ชนิด และปริมาณสุราที่คงเหลือ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2542 ยื่นต่อเจ้าหน้าที่สรรพากร ณ ท้องที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ ภายในวันที่ 20 มกราคม 2543 (2) ให้ผู้ประกอบการที่ซื้อสุราดังกล่าวจากบริษัทฯ ไปเพื่อขายปลีกหรือขายส่งทุกทอด จัดทำรายงานแสดงรายการ ประเภท ชนิด และปริมาณสุราที่คงเหลือ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2542 ยื่น ต่อเจ้าหน้าที่สรรพากร ณ ท้องที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ภายในวันที่ 20 มกราคม 2543 |
เลขตู้ | : 62/28413 |