เลขที่หนังสือ | : กค 0811/11190 |
วันที่ | : 2 พฤศจิกายน 2542 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคล การคำนวณรายได้ดอกเบี้ยสำหรับระยะเวลาหลังจากที่ได้ผิดนัดชำระติดต่อกันเป็นเวลาเกินหกเดือน |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา65 วรรคสอง, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528ฯ |
ข้อหารือ | : บริษัท ก จำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจทำการถลุงแร่ดีบุก และจำหน่ายโลหะดีบุก ทั้งภายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ โดยบริษัทฯ ไม่มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับ การเงิน เว้นแต่การให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเกี่ยวเนื่องกับการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ตามวัตถุประสงค์ ดังกล่าว ในปี 2536 บริษัทฯ ได้ให้บริษัท ร จำกัด กู้ยืมเงินจำนวน 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 38,000,000 บาท ปรากฏตามสัญญากู้ยืมเงินและค้ำประกัน ฉบับลงวันที่ 15 มิถุนายน 2536, 20 มิถุนายน 2536 และ 1 กรกฎาคม 2536 เป็นเงินจำนวน 5,000,000 บาท, 3,000,000 บาท และ 30,000,000 บาท ตามลำดับ การที่บริษัทฯ ได้ให้บริษัท ร จำกัด กู้ยืมเงินดังกล่าวก็เพื่อให้เป็นเงินทุน หมุนเวียนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และ/หรือจัดหาแร่ดีบุกมาจำหน่ายให้แก่บริษัทฯ อันเป็นเรื่องที่ เกี่ยวเนื่องกับวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมา จนถึงบัดนี้บริษัทฯ ได้คิดดอกเบี้ยจากผู้กู้ ตามสัญญาดังกล่าวและบันทึกบัญชีตามเกณฑ์ค้างรับ โดยบริษัทฯ ได้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะเป็นประจำ ทุกเดือนและเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วย ทั้งที่บริษัทฯ ไม่ได้รับชำระหนี้เลย และเมื่อคำนวณยอดหนี้ ค้างชำระ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2542 มียอดค้างชำระเงินต้นและดอกเบี้ย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 61,296,014.82 บาท นอกจากนี้แล้ว บริษัทฯ ยังได้ให้บริษัท ร จำกัด เบิกเงินล่วงหน้าพิเศษค่าแร่อีกในช่วง ระหว่างปี 2535 - 2537 ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2537 บริษัท ร จำกัด มียอดค้างชำระเงินล่วงหน้า พิเศษพร้อมดอกเบี้ย รวมเป็นเงิน 14,106,179.07 บาท ปรากฏตามสำเนาสัญญารับรองหนี้ ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2537 บริษัทฯ ได้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีเงินได้นิติบุคคลจากรายได้ดอกเบี้ย เช่นเดียวกับเงินกู้ยืมดังกล่าวข้างต้น ทั้งที่บริษัทฯ ได้รับชำระหนี้น้อยมากและเมื่อคิดคำนวณยอดหนี้ ค้างชำระ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2542 มียอดค้างชำระเงินต้น และดอกเบี้ยรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 12,355,252.69 บาท ยอดเงินค้างชำระรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 73,651,267.51 บาท ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว บริษัทฯ ไม่มีโอกาสได้รับชำระหนี้จากบริษัท ร จำกัด ผู้กู้ต่อไป บริษัทฯ จึงได้สำรองหนี้สูญตามจำนวนหนี้ โดยไม่ได้ถือว่ารายการหนี้สูญดังกล่าวเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิปลายปี บริษัทฯ จึงได้นำยอด จำนวนหนี้บวกกลับเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตลอดมา ทั้งที่บริษัทฯ ไม่ได้รับเงินดอกเบี้ยดังกล่าวเป็น รายได้ของบริษัทฯ ตามความเป็นจริง ทำให้บริษัทฯ มีภาระในการที่ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าปีละ 1,700,000 บาท ซึ่งไม่เป็นธรรมแก่บริษัทฯ และตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2540 บริษัท ร จำกัด ขาดการ ติดต่อและไม่ได้เป็นผู้ค้าขายกับบริษัทฯ ต่อไป เนื่องจากบริษัทฯ ได้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะจากดอกเบี้ยรับตลอดมาเช่นเดียวกับดอกเบี้ยรับ สำหรับกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ เพื่อความเป็นธรรมกับบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ คาดหมายได้ แน่นอนว่าจะไม่สามารถได้รับชำระหนี้ และมูลค่าหนี้เกินทรัพย์สินที่ได้ประเมินไว้ จึงขอหารือว่า บริษัทฯ จะไม่นำรายได้ส่วนที่เป็นดอกเบี้ยสำหรับระยะเวลาหลังจากที่ได้ผิดนัดชำระติดต่อกันเป็นเวลาเกินหก เดือนแล้ว มาคำนวณเป็นรายได้ของบริษัทฯ ตามข้อ 4.1 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528 ฯ ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2528 ได้หรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : กรณีตามข้อเท็จจริงข้างต้น การคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทฯ จะต้องใช้เกณฑ์สิทธิ ตามมาตรา 65 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 1/2528 ฯ ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2528 กรมสรรพากรไม่อาจอนุมัติให้บริษัทฯ นำรายได้ส่วนที่ เป็นดอกเบี้ยสำหรับระยะเวลาหลังจากที่ได้ผิดนัดชำระติดต่อกันเป็นเวลาเกินหกเดือนแล้ว มาคำนวณเป็น รายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับชำระได้ตามที่ร้องขอ |
เลขตู้ | : 62/28489 |