เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0811(กม.03)/1675
วันที่: 3 พฤศจิกายน 2543
เรื่อง: ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเงินได้ตามมาตรา 40(4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อกฎหมาย: มาตรา 48(1)(2)
ข้อหารือ: กรณีผู้มีเงินได้จากดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารจากบัญชีเงินฝากบัญชีเดียวหรือหลายบัญชีใน
ธนาคารเดียวกันหรือหลายธนาคาร ใช้สิทธิเลือกนำเงินได้จากดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารมารวมคำนวณ
ภาษี ตามมาตรา 48(1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้มีเงินได้จะต้องนำดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร
ที่ได้รับทั้งหมดในปีภาษีนั้นมารวมคำนวณ หรือนำดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารเพียงบางส่วนมารวมคำนวณก็ได้
หลักกฎหมาย
การเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ตาม มาตรา
40(4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร กรณีที่ผู้มีเงินได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้
ตามมาตรา 50(2)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อถึงกำหนดยื่นรายการ ผู้มีเงินได้จะเสีย
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยนำไปรวมกับเงินได้อื่น และคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า หรือจะใช้สิทธิ
เลือกเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้ โดยไม่ต้องนำเงินได้ดังกล่าวไป
รวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่นก็ได้ ตามมาตรา 48(3)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร ในกรณีที่ผู้มีเงินได้
พิจารณาเห็นว่า มีภาระภาษีที่ต้องเสียสำหรับปีภาษีนั้นน้อยกว่าจำนวนภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย (อัตราร้อยละ
15.0) ผู้มีเงินได้ก็มีสิทธินำเงินได้ดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่นเพื่อขอรับเงินภาษีที่ถูกหัก ณ
ที่จ่ายไว้เกินนั้นคืนได้ ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรที่ 19/2533 เรื่อง
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การเลือกเสียภาษีเงินได้สำหรับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักร
ฯลฯ ตามมาตรา 48(3) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2533
แนววินิจฉัย: 1. กรณีผู้มีเงินได้เป็นบุคคลธรรมดา มีเงินได้ตามมาตรา 40(4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร
เมื่อมีการจ่ายเงินได้ดังกล่าวให้กับผู้รับ ผู้จ่ายเงินได้มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้
ทุกคราวในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้ ตามมาตรา 50(2)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร
เมื่อถึงกำหนดเวลายื่นรายการ ผู้มีเงินได้มีสิทธิเลือกเสียภาษี ดังนี้
1.1 เลือกเสียภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 15.0 ตามที่ถูกผู้จ่ายเงินได้หักภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่าย
1.2 เลือกเสียภาษีโดยนำเงินได้ดังกล่าวไปยื่นแบบแสดงรายการ ตามแบบ ภ.ง.ด.90
เพื่อเสียภาษีเงินได้ตามเกณฑ์ปกติ
2. ธนาคารผู้จ่ายดอกเบี้ยเงินฝากจะต้องคำนวณหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ในอัตราร้อยละ 15.0
ของเงินได้ ตามมาตรา 50(2) แห่งประมวลรัษฎากร แต่ผู้มีเงินได้มีสิทธิ์นำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษี
ตอนสิ้นปี ตามมาตรา 48(3)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่ก็ได้ส่วนจะได้รับคืนเงินภาษีที่ถูกหัก ณ
ที่จ่ายหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงว่าเมื่อนำเงินได้ที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีตอน
สิ้นปีจะต้องเสียเท่าใด หากภาษีที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่ายเกินกว่าภาษีที่ต้องเสียก็จะได้คืนภาษีจากส่วนที่เกินนั้น
3. จากหลักกฎหมายและแนวการวินิจฉัยที่กล่าวไว้ใน 1 และ 2 กรณีดังกล่าวให้ผู้มีเงินได้
มีสิทธิเลือกเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราร้อยละ 15.0 ตามที่ถูกผู้จ่ายเงินได้หักภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่าย หรือเลือกเสียภาษีเงินได้ตามเกณฑ์ปกติ และการให้สิทธิเลือกเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใน
อัตราร้อยละ 15.0 (ไม่ต้องนำไปรวมกับเงินได้อื่น) ก็เพื่อเป็นการบรรเทาภาระ
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับผู้มีเงินได้ดังกล่าวที่จะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้
ดังกล่าวสูงกว่าจำนวนเงินภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้ และในกรณีที่
ผู้มีเงินได้เห็นว่ามีภาระภาษีที่ต้องเสียสำหรับปีภาษีนั้นน้อยกว่าจำนวนภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย ผู้มีเงินได้ก็
มีสิทธินำเงินได้ดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่นเพื่อขอรับเงินภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้เกินนั้นคืนได้
ย่อมหมายความว่า กรณีที่ผู้มีเงินได้ใช้สิทธิเลือกนำเงินได้จากดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารมารวมคำนวณภาษี
เมื่อถึงกำหนดยื่นรายการ ผู้มีเงินได้จะต้องนำดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่ได้รับทั้งหมดในปีภาษีนั้นจาก
บัญชีเงินฝากที่มีอยู่ในธนาคารทุกแห่งมารวมคำนวณภาษีตามเกณฑ์ปกติ ตามมาตรา 48(1) และ (2)
แห่งประมวลรัษฎากร เพราะผู้มีเงินได้จะต้องนำภาษีที่คำนวณได้ตามเกณฑ์ปกติเปรียบเทียบกับภาษีที่ถูกหัก
ณ ที่จ่าย เพื่อจะได้ทราบว่าภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายมากกว่าภาษีที่คำนวณตามเกณฑ์ปกติหรือไม่และถ้า
มากกว่าจะได้เลือกคำนวณภาษีตามเกณฑ์ปกติ และขอรับเงินภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้เกินคืนได้
เลขตู้: 64/30058

 


 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020