เมนูปิด
เลขที่หนังสือ: กค 0702/2800
วันที่: 27 มีนาคม 2556
เรื่อง: ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีการจ้างบริษัทต่างประเทศขุดลอกร่องน้ำในประเทศไทย
ข้อกฎหมาย: มาตรา 70 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 12 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528ฯ
ข้อหารือ           บริษัทฯ ได้หารือเกี่ยวกับภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีที่บริษัท ท. ซึ่งเป็นบริษัทจัดตั้งตามกฎหมายของประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ทำสัญญาให้บริการขุดลอกร่องน้ำในประเทศไทยให้กับบริษัท อ. โดยมีข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า บริษัท ท. จะให้บริการเกี่ยวกับการขุดลอกบริเวณท่าเทียบเรือ 2 บี และท่าเทียบเรือ 8 เอ (1 และ 2) ท่าเทียบเรือ 8 บี 2 และร่องน้ำที่ใช้ในการสัญจรเข้าสู่ท่าเทียบเรือเหล่านี้ ณ สถานที่ของบริษัท อ. ในจังหวัดระยอง โดยบริษัท ท. ได้ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ของคนต่างด้าวเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2555 และได้ดำเนินการขุดลอกจนแล้วเสร็จและเคลื่อนย้ายเรือขุดลอกออกไปจากประเทศไทยเมื่อ วันที่ 13 กรกฎาคม 2555 และจะเคลื่อนย้ายพนักงานและสำนักงานที่ตั้งอยู่ในโครงการออกไปให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2555 บริษัทฯ จึงขอหารือว่า เมื่อบริษัท ท. เป็นผู้มีถิ่นที่อยู่เพื่อการรัษฎากรในราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ตามอนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากร ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้และจากทุน (อนุสัญญาฯ) และการดำรงอยู่ในประเทศไทยของบริษัท ท. เป็นเพียงชั่วคราว มิใช่ถาวรหรือเป็นประจำ ค่าบริการที่บริษัท ท. ได้รับจึงเป็นกำไรธุรกิจที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย ตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง แห่งอนุสัญญาฯ และบริษัท ท. ก็ไม่ต้องเสียภาษีจากการจำหน่ายเงินกำไรออกนอกประเทศไทยตามมาตรา 70 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ส่วนบริษัท อ. ก็ไม่จำต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 12 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ใช่หรือไม่
แนววินิจฉัย           หากโครงการขุดลอกร่องน้ำตามสัญญาดังกล่าวดำรงอยู่ในประเทศไทยไม่เกิน 3 เดือน การให้บริการดังกล่าวจึงไม่เป็นการประกอบธุรกิจโดยผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย ตามนิยามของสถานประกอบการถาวรในข้อ 5 วรรคสาม (ข) ของอนุสัญญาฯ ดังนั้น เงินค่าจ้างที่บริษัท ท. ได้รับจากการให้บริการขุดลอกร่องน้ำดังกล่าวจึงได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย ตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง แห่งอนุสัญญาฯ ประกอบกับมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 ดังนั้น เมื่อบริษัท อ. จ่ายเงินค่าบริการดังกล่าว บริษัท อ. ไม่อยู่ในบังคับต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 12 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528
เลขตู้: 76/38521

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020